ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 16 ต.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
ในระหว่างการประชุมบรอดแบนด์เคลื่อนที่ (MBBF) ประจำปี 2566 คุณเฉา หมิง (Cao Ming) ประธานฝ่ายโซลูชันไร้สายของหัวเว่ย (Huawei) ได้เปิดตัวโซลูชัน 5.5G ครบทั้งซีรีส์เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรม โดยคุณเฉากล่าวในพิธีเปิดตัวว่า "5.5G พร้อมเข้ามาสนับสนุนประสบการณ์ การเชื่อมต่อ และบริการใหม่ ๆ" โดยเน้นว่า "โซลูชัน 5.5G ครบทั้งซีรีส์ของหัวเว่ยจะช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายส่งมอบความสามารถที่ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ได้มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า พร้อมยกระดับการใช้พลังงาน การใช้คลื่นความถี่ และการบำรุงรักษา"
5.5G พร้อมยกระดับการเชื่อมต่อเคลื่อนที่
5G ได้พัฒนาก้าวหน้ามานานกว่า 4 ปี ซึ่งพัฒนาได้เร็วกว่าเทคโนโลยีมือถือรุ่นก่อน ๆ มาก การนำ 5G มาใช้อย่างแพร่หลายนั้นจะสร้างแรงผลักดันใหม่ ๆ สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล 5G กำลังขับเคลื่อนประสบการณ์ การเชื่อมต่อ และบริการใหม่ ๆ ที่หลากหลาย 5G ได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ใช้รายบุคคลและตามบ้าน โดยได้ขยายการเชื่อมต่อ IoT ในทุกสถานการณ์ และค้นพบหนทางสู่การผลิตหลัก เสริมศักยภาพการผลิตที่ยืดหยุ่น ในขณะเดียวกันก็เร่งบริการยานพาหนะไปสู่ทุกสิ่ง (V2X) ที่ขับเคลื่อนการขนส่งอัจฉริยะด้วย
5.5G พร้อมเข้ามายกระดับการเชื่อมต่อผู้คน บ้าน สิ่งของ ยานพาหนะ และอุตสาหกรรม โซลูชัน 5.5G ทั้งซีรีส์ของหัวเว่ยช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างเครือข่าย 5.5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมความสามารถพื้นฐาน 5 ประเภท ได้แก่ บรอดแบนด์ มัลติแบนด์ เสาอากาศหลายตัว ความชาญฉลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์ 5.5G ทั้งซีรีส์ มอบความสามารถมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
สายอากาศแบบอาร์เรย์ขนาดใหญ่พิเศษ (ELAA) รองรับได้หลายแบนด์และช่องทางแบบ TDD สำหรับประสบการณ์ระดับ 10 Gbps สายอากาศแบบอาร์เรย์ขนาดใหญ่พิเศษนี้ช่วยให้เครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์เพิ่มความครอบคลุม TDD และประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อวงการโทรคมนาคมก้าวไปสู่ 5.5G ELAA ก็จะยกระดับไปอีกขั้น ซึ่ง ELAA แบบใหม่นี้ทำให้ 128T MetaAAU ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่รวมองค์ประกอบเสาอากาศมากกว่า 500 รายการนั้น ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมลำแสงความละเอียดสูงหลายมิติได้ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ถึง 50% การอัปเกรด ELAA ทำให้ 64T MetaAAU แบบดูอัลแบนด์ตัวแรกของอุตสาหกรรม ทำงานร่วมกับองค์ประกอบที่ผสานรวมกันแบบดูอัลแบนด์ได้ เพื่อสร้างความครอบคลุมร่วมกันระหว่างแบนด์สูงและต่ำ มอบประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในระดับ 5 ถึง 10 Gbps พร้อมกับโซลูชันที่รองรับได้หลายผู้ให้บริการ
กิกะกรีน (GigaGreen) ครบทั้งซีรีส์แบบ FDD เพื่อยกระดับประสบการณ์พื้นฐาน โมดูล Massive MIMO แบบสามแบนด์ชนิด FDD ตัวแรกในอุตสาหกรรม พร้อมด้วยโมดูล 8T แบบสามแบนด์นี้ รองรับแบนด์วิดท์ระดับ GHz นำเสนอ 1.8+2.1+2.6 GHz ได้ในกล่องเดียว ทั้งยังรองรับการสร้างลำแสง FDD เพื่อปรับปรุงสเปกตรัม FDD และประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างมาก และเมื่อเทียบกับ 4T4R แล้ว Massive MIMO แบบสามแบนด์ FDD นั้นเพิ่มความจุได้ 10 เท่า และความครอบคลุมได้อีก 10 dB ขณะที่ 8T8R แบบสามแบนด์ชนิด FDD ปรับปรุงประสิทธิภาพของสเปกตรัมได้ 3 เท่า และความครอบคลุมได้อีก 7 dB เมื่อทำงานร่วมกับไวด์แบนด์ที่แท้จริงและมีการแชร์พลังงานแบบไดนามิก
mmWave AAU พร้อมอาร์เรย์เสาอากาศที่ใหญ่ที่สุด เพื่อสร้าง 10 Gbps ที่ครอบคลุมต่อเนื่อง อุตสาหกรรม mmWave มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดย mmWave AAU ตัวแรกของอุตสาหกรรมมาพร้อมองค์ประกอบเสาอากาศมากกว่า 2,000 ชิ้น เพื่อเอาชนะข้อจำกัดของ mmWave เมื่อใช้ร่วมกับ C-band การประสานกันระหว่างย่านความถี่สูงและต่ำทำให้เครือข่าย mmWave ส่งผ่านข้อมูลสูงสุดได้ 10 Gbps โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 5 Gbps ซึ่ง AAU นี้ยังรองรับการจัดการลำแสงอัจฉริยะ ซึ่งทำลายข้อจำกัดของ mmWave ในเรื่องการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและการส่งผ่าน NLOS
การปรับปรุงประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานของ DIS เพื่อนำ 5.5G มาใช้ในอาคาร ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ LampSite X มาพร้อม 5 แบนด์ และ mmWave ครบในกล่องเดียว เพื่อรองรับแบนด์วิดท์เต็มรูปแบบในทุกแบนด์สำหรับเทคโนโลยีการเข้าถึงสัญญาณวิทยุทั้งหมด นอกจากนี้ยังรองรับการพักตัวที่ลึกเป็นพิเศษ เพื่อลดการใช้พลังงานนอกช่วงพีคเหลือเพียง 1 วัตต์ โมดูล LightSite ที่ใช้พลังงานปานกลางแบบหลายแบนด์นั้น ยังรับประกันประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น 35% และมี TCO ต่ำกว่าโซลูชัน DAS ทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่จอดรถใต้ดินและพื้นที่อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันมีสัญญาณครอบคลุมด้วย
นวัตกรรมเสาอากาศและระบบไมโครเวฟ เพื่อสร้าง 5.5G ที่มีประสิทธิภาพ เสาอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใช้ประโยชน์จากการป้อนโดยตรง (SDIF) เพื่อวางสถาปัตยกรรมเสาอากาศและเมตา เลนส์ (Meta Lens) ขึ้นใหม่ ในการรวมพลังงานลำแสงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานอีก 25% โดยระบบไมโครเวฟมีแพลตฟอร์มใหม่อย่างเมจิกส์เวฟ (MAGICSwave) เพื่ออัปเกรดเครือข่ายการรับส่งสัญญาณ เมจิกส์เวฟที่ว่านี้รองรับการส่งข้อมูลแบบหลายช่องสัญญาณแบบกว้างพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลด้วยความจุที่สูงขึ้นสำหรับเขตเมืองและระยะการส่งข้อมูลที่ยาวขึ้นสำหรับพื้นที่ชานเมือง มาพร้อมการบูรณาการในระดับสูง ช่วยให้เครือข่ายต่าง ๆ พัฒนาต่อไปได้ตลอด 10 ปีข้างหน้า
5.5G อัจฉริยะและทรงพลัง ช่วยให้ได้ประสิทธิภาพเครือข่ายที่เหมาะสมที่สุด
รวมสเปกตรัมไอแฮชแบนด์ 2.0 (iHashBand2.0) เพื่อประสิทธิภาพสเปกตรัม 5.5G ที่ดีที่สุด ไอแฮชแบนด์ 2.0 กำหนดนิยามใหม่ของการใช้สเปกตรัมแบบหลายแบนด์ โดยเซลล์ที่ให้บริการ (MB-SC) ช่วยให้รวมสเปกตรัมที่ไม่ต่อเนื่องเข้าด้วยกันได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อสร้างแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่แบบเสมือน ทำให้ได้การเชื่อมต่อแบบ 10 Gbps ในขณะที่บรรลุประสิทธิภาพสเปกตรัมที่สูงขึ้น 40% ส่วนการเข้าถึงสเปกตรัมที่ยืดหยุ่น (FSA) รองรับการเข้าถึงแบนด์อัปลิงก์เต็มรูปแบบอย่างยืดหยุ่น ยกระดับอัปลิงก์ถึงขั้น Gbps ด้วยประสิทธิภาพสเปกตรัมที่สูงขึ้น 40%
"0 บิต 0 วัตต์" ที่ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ เพื่อประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 5.5G ที่เหมาะสมที่สุด อุปกรณ์ทั้งซีรีส์รองรับ "0 บิต 0 วัตต์" ขึ้นแท่นอุปกรณ์แรกในอุตสาหกรรมที่รองรับการพักตัวในระดับลึกเป็นพิเศษด้วยความลึกในการปิดระบบ 99% พร้อมฟีเจอร์เปิดระบบอย่างรวดเร็วแบบออนดีมานด์ และปิดระบบระดับมิลลิวินาทีทั้งในระดับผู้ให้บริการและระดับช่องสัญญาณ โซลูชันไซต์ทำให้เกิดการประสานงานอันชาญฉลาดระหว่างแหล่งจ่ายไฟและอุปกรณ์ เพื่อให้เกิด "0 บิต 0 วัตต์" ที่ระดับไซต์ โดยไอพาวเวอร์สตาร์ (iPowerStar) นำนโยบายการประหยัดพลังงานเฉพาะไซต์ไปใช้ตามแนวโน้มการรับส่งข้อมูลในเวลาต่าง ๆ ของวัน ช่วยให้เกิด "0 บิต 0 วัตต์" ในระดับเครือข่าย
ดันอินเทลลิเจนต์แรน (IntelligentRAN) สู่ L4 เพื่อการบำรุงรักษา 5.5G ในระดับที่เหมาะสมที่สุด เครือข่ายจะอาศัยแบนด์จำนวนมากขึ้นเพื่อให้บริการและการเชื่อมต่อที่มากขึ้น ซึ่งทำให้ 5.5G จำเป็นต้องมีความเป็นอิสระในระดับสูง อินเทลลิเจนต์แรนรองรับระบบอัจฉริยะตามเจตนาในระดับ L4 ซึ่งทำให้ป้องกันและคาดการณ์ในเชิงรุก แทนการบำรุงรักษาเครือข่ายเชิงรับได้ โดยเครือข่ายตระหนักถึงจุดประสงค์ในการบริการเพื่อมอบประสบการณ์แบบกำหนดเองได้ดีขึ้น และรองรับการตัดสินใจแบบหลายวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ในการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครือข่าย
คุณเฉาส่งท้ายว่า "อนาคตมาถึงแล้ว หัวเว่ยจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป โดยร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมทั้งหมด เพื่อดัน 5.5G ให้เกิดขึ้นจริง"