สิงคโปร์ - - 15 ก.ค. - - พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Asia Plantation Capital ได้ดำเนินการพัฒนากระบวนการผลิตน้ำมันหอมระเหยพิมเสนอย่างยั่งยืนและปลอดสารพิษบนพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทตลอดปีที่ผ่านมา โดยน้ำมันหอมระเหยพิมเสนถูกสกัดจากใบของต้นพิมเสนยืนต้น (ซึ่งปลูกขึ้นใหม่) จึงทำให้สามารถเก็บใบพิมเสนได้อย่างยั่งยืนในทุกๆ 3-4 เดือน
ล่าสุดผลผลิตน้ำมันหอมระเหยพิมเสนจาก Asia Plantation Capital บนพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทในศรีลังกานั้น ได้รับการรับรองคุณภาพในระดับพรีเมี่ยมจากบรรดานักวิเคราะห์อิสระของสถาบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ITI) ในกรุงโคลัมโบ
ตัวอย่างน้ำมันหอมระเหยพิมเสนจากบริษัทผ่านการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคแมสสเปกโทรเมตรีโดย ITI และผลการทดสอบส่วนประกอบหลักๆของน้ำมันออกมาเป็นบวก
เมื่อพิจารณาส่วนประกอบดังกล่าวจะพบว่า แอลกอฮอล์พิมเสนเป็นองค์ประกอบหลักที่บ่งชี้ถึงคุณภาพของน้ำมัน ดังนั้นราคาของน้ำมันหอมระเหยพิมเสนจึงขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแอลกอฮอล์พิมเสนที่มีอยู่ในน้ำมันนั่นเอง
ผลการทดสอบน้ำมันตัวอย่างซึ่งถูกเก็บภายหลังกระบวนการกลั่นโดยใช้เทคนิคสเปกโทรเมตรี แสดงให้เห็นปริมาณในระดับสูงของน้ำมันหอมระเหยพิมเสน (0.53%) และแอลกอฮอล์พิมเสน (54.56%) โดยปริมาณแอลกอฮอล์พิมเสนที่สูงกว่า 30% ถือว่ามีคุณภาพยอดเยี่ยม
ผลการทดสอบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การปลูกต้นพิมเสนเพื่อนำมาสกัดน้ำมันในเชิงพาณิชย์ในศรีลังกานั้น สามารถดำเนินการจนประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี
สิ่งนี้นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Asia Plantation Capital ในศรีลังกา โดยก่อนหน้านี้เราได้ดำเนินการปลูกพิมเสนในประเทศไทย และกำลังเร่งสานต่อความสำเร็จของเราในการผลิตน้ำมันกฤษณาคุณภาพสูงด้วยการเดินหน้าผลิตน้ำมันพิมเสนในปริมาณมาก และสำหรับประเทศศรีลังกานั้น ความก้าวหน้าครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะเป็นการสร้างผลผลิตใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการส่งออกและกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชนบท
ลาลิธ กันลาธ นักกฎหมายของ Asia Plantation Capital ในกรุงโคลัมโบ กล่าวว่า "นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ความพยายามของทีมงาน Asia Plantation Capital ในศรีลังกา ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์อันดีในประเทศนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการเพาะปลูกของบริษัทในพื้นที่อื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยยกระดับการวิจัยและพัฒนาตลาดส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศ ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนส่งเสริมโครงการนี้ และได้กระตุ้นให้เกษตรกรรับจ้างปลูกพิมเสน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งรายได้เสริมของเกษตรกรต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ การปลูกพิมเสนยังช่วยให้เกษตรกรในชนบทใช้ที่ดินได้อย่างคุ้มค่าและได้รับผลตอบแทนสูงสุด เนื่องจาก Asia Plantation Capital ได้ตกลงซื้อใบพิมเสนแห้งจากเกษตรกร ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกๆ 3 เดือน"
Asia Plantation Capital มีสำนักงานกระจายสินค้า ร้านค้าปลีก และคลังสินค้าในตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคอยจัดหาสินค้าป้อนอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทมีรากฐานที่มั่นคงเพื่อก้าวเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สามารถผลิตน้ำมันหอมระเหยพิมเสนได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังสามารถตรวจสอบได้จนถึงแหล่งผลิต น้ำมันหอมระเหยพิมเสนเป็นน้ำมันที่นิยมใช้มากที่สุดประเภทหนึ่งในอุตสาหกรรมน้ำหอมโลก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าอุตสาหกรรมทะลุ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2561 (แหล่งข้อมูล: Industry Analyst's Inc.) และที่สำคัญคือ น้ำมันพิมเสนเป็นน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่ไม่สามารถนำมาสังเคราะห์และผลิตซ้ำเพื่อใช้ในน้ำหอมชนิดใดก็ตาม น้ำมันคุณภาพยอดเยี่ยมนี้จึงเป็นที่ต้องการอย่างไม่ขาดสายในอุตสาหกรรมน้ำหอม
ในปีถัดไป ทางบริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดพื้นที่ปลูกพิมเสนกว่า 5,000 เอเคอร์ โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรรับจ้างปลูกในศรีลังกา ไทย และมาเลเซีย โดยผลผลิตทั้งหมดจะถูกจัดจำหน่ายพร้อมการรับรองคุณภาพ Certificate of Origin, Certificate of Analysis (CofA) และ Material Safety Data Sheet (MSDS) สำหรับการส่งออก รวมถึงการรับรองคุณภาพ Flow of Processing และ Product Specification นอกจากนี้ แพคเกจน้ำมันจะถูกตีแบรนด์ "Patchouli Du Bois" ภายใต้แบรนด์น้ำหอม "Fragrance Du Bois" ของเครือบริษัท เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการทำตลาดระดับโลก อันเห็นได้จากผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยอื่นๆของบริษัท อย่างน้ำมันกฤษณา รวมถึงชิ้นไม้สับ เป็นต้น
สื่อมวลชนติดต่อ:
Asia Plantation Capital Pte. Ltd.
50 Collyer Quay, #06-05 OUE Bayfront, Singapore 049321
โทร. +65 6222 3386 | แฟกซ์: +65 6221 2197 | อีเมล: pr@asiaplantationcapital.com
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital
Asia Plantation Capital เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกและฟาร์มเชิงพาณิชย์อันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งอยู่ในเครือของ Asia Plantation Capital Group โดยจุดมุ่งหมายหลักของบริษัทคือ โครงการเพาะปลูกหลากประเภทในหลายวัฒนธรรม เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและความต้องการเชิงพาณิชย์ของประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่ หลักการดำเนินงานของบริษัทคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิดและให้การสนับสนุนอันดีแก่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมรวมทั้งการลงทุน เพื่อดึงชุมชนเหล่านี้ให้ออกจากวงจรการตัดไม้ทำลายป่าและการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย (ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบางพื้นที่ในเอเชีย) ทั้งนี้ บริษัทจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 (แม้ว่าได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545) ปัจจุบันเครือบริษัทมีโครงการเพาะปลูกและการเกษตรใน 4 ทวีป ได้แก่ โครงการดำเนินงานในขั้นต่างๆในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา โมซัมบิก แกมเบีย อเมริกาเหนือ และยุโรป
การส่งเสริมการใช้ไม้ที่ได้รับการรับรองนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงต่อสู้กับปัญหาความยากจนในภูมิภาคป่าฝนเมืองร้อน และสำหรับวงการเดินเรือยอชต์ที่แสวงหาความเป็นเลิศและมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไม้ที่ผิดกฎหมายมาใช้กับเรือยอชต์