เครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าช่วยมอบหลักฐานตลอดชีพที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ค้า ด้วยประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ได้รับการส่งเสริม ตลอดจนอัตราความสำเร็จในการทำธุรกรรมที่ดีขึ้น
ลูกค้าไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลบัตรเครดิตหลายแพลตฟอร์มอีกต่อไป
สิงคโปร์, 8 พฤศจิกายน 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
วีซ่า (Visa) ผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินดิจิทัล ประกาศขยายบริการเครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ (VAU) สู่ตลาดเป้าหมายในเอเชียแปซิฟิก[1] เพื่อยกระดับประสบการณ์การชำระเงินสำหรับผู้ค้าและลูกค้า โดยมอบหลักฐานอ้างอิงที่ใช้ได้ตลอดชีพให้แก่ผู้ถือบัตร ด้วยการเปิดตัวบริการดังกล่าวในเอเชียแปซิฟิก ผู้บริโภคและผู้ค้าในภูมิภาคจะเข้าถึงเครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ได้ผ่านบริการแบบสมัครสมาชิกต่าง ๆ เช่น บริการรถรับส่ง จัดส่งอาหาร การชำระค่าสาธารณูปโภครายเดือน และอื่น ๆ อีกมากมาย
เครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีของวีซ่า ช่วยผู้ค้าแก้ไขปัญหาการชำระเงินที่ถูกปฏิเสธซึ่งเกิดจากการหมดอายุหรือการเปลี่ยนบัตรเดบิตและเครดิต โดยเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ อัปเดตรายละเอียดข้อมูลภายในบัตรแบบเรียลไทม์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อผู้ค้ายืนยันการชำระเงิน เครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์จะตรวจสอบข้อมูลบัตรครั้งล่าสุดในทันทีและดำเนินธุรกรรมคำขอชำระเงินด้วยรายละเอียดบัตรที่อัปเดตแล้ว ลดอัตราการปฏิเสธการขออนุมัติ ช่วยไม่ให้เสียยอดขาย และป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์กับผู้ถือบัตรขาดสะบั้น ทั้งนี้ เครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์เปิดตัวครั้งแรกโดยวีซ่าในอเมริกาเหนือในปี 2560 และในยุโรปในปี 2565
"วันหมดอายุของบัตรหรือการเปลี่ยนบัตรมีความสำคัญในการป้องกันการฉ้อโกงและยกระดับความปลอดภัยของบัตร แต่เราเล็งเห็นว่า ผู้บริโภคมักเผชิญกับความไม่สะดวกสบายอย่างไม่จำเป็น เมื่อต้องอัปเดตข้อมูลการชำระเงินโดยอัตโนมัติหลายต่อหลายครั้งในทุก ๆ 2-3 ปี เมื่อออกบัตรใหม่" ทีอาร์ รามจันดรัน (T.R. Ramachandran) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชันประจำเอเชียแปซิฟิกของวีซ่า กล่าว "การเปิดตัวเครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรของเราในเอเชียแปซิฟิก จะช่วยพัฒนากระบวนการนี้ พร้อมรักษาระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุดต่อไป ด้วยการมอบเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ค้า เรากำลังส่งเสริมให้พวกเขามีรายรับและอัตราการขออนุมัติที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มอบประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันคาดหวัง"
ธุรกิจและผู้บริโภคเริ่มถอยห่างจากการใช้เงินสดไปสู่การชำระเงินผ่านบัตรและระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับกระแสบริการการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและออนไลน์ที่กำลังแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม กระบวนการอัปเดตข้อมูลประจำตัวด้วยตนเองเมื่อบัตรหมดอายุหรือมีการอัปเกรดทำให้เกิดความยุ่งยากบนเส้นทางการชำระเงิน เครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์จึงเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีที่อัปเดตระหว่างผู้ค้าที่มีส่วนร่วมและผู้ออกบัตรวีซ่าอย่างปลอดภัย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ค้าเหล่านี้มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่น ซึ่งเสริมสร้างความภักดีและการรักษาลูกค้า ไปพร้อมกับเพิ่มรายได้โดยรวม
ในเอเชียแปซิฟิก วีซ่าจับมือกับบริการช่องทางชำระเงินและผู้รับบัตรทั่วโลก 4 แห่ง ได้แก่ แอดเยน (Adyen) เช็คเอาท์ดอทคอม (Checkout.com) สไตรป์ (Stripe) และเวิลด์เพย์ (Worldpay) เพื่อเปิดตัวเครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ในเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ ไซเบอร์ซอร์ส (Cybersource) ซึ่งเป็นโซลูชันหนึ่งของวีซ่า ก็ได้นำเสนอเครื่องมืออัปเดตวีซ่านี้แก่ลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคได้รับผลประโยชน์จากเครื่องมืออัปเดตวีซ่า ซึ่งบริการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อธุรกิจที่นำเสนอบริการแบบสมัครสมาชิก เช่น แอปเรียกรถโดยสาร ผู้ค้าในบริการจัดส่งอาหารและสาธารณูปโภค และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถ้อยแถลงประกอบข่าว
คุณวอร์เรน ฮายาชิ (Warren Hayashi) ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของแอดเยน
"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับวีซ่า เพื่อนำเครื่องมืออัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์ หรือ VAU มาสู่ภูมิภาคแปซิฟิก โดยต่อยอดมาจากการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในยุโรปที่ประสบความสำเร็จในปีที่แล้ว ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินให้กับลูกค้าของเราในหลายภูมิภาค โดยอัปเดตรายละเอียดบัตรของพวกเขาแบบเรียลไทม์ได้อย่างราบรื่น และด้วยระบบอัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์นี้ เราสามารถลดธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อรักษารายได้ของลูกค้าและรับประกันประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นไร้สะดุดได้"
คุณไบรอัน เซ (Brian Sze) ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเช็คเอาท์ดอทคอม
"การเป็นพันธมิตรกับวีซ่าเพื่อนำระบบอัปเดตบัญชีวีซ่าแบบเรียลไทม์มาใช้ทั่วเอเชียแปซิฟิก เป็นก้าวสำคัญในการลดความขัดแย้งสำหรับผู้บริโภค โดยขจัดความยุ่งยากที่หลายคนต้องเผชิญเมื่อต้องทำการอัปเดตข้อมูลรับรองการชำระเงินด้วยตนเอง นอกจากนี้ โซลูชันนี้ยังทำให้ธุรกิจได้รับการชำระเงินด้วยวิธีที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ช่วยให้พวกเขาทุ่มเททรัพยากรที่ขาดแคลนเพื่อขับเคลื่อนลำดับความสำคัญทางธุรกิจ แทนที่จะกังวลเรื่องบัตรถูกปฏิเสธ"
คุณไมเคิล บัลซาโม (Michael Balsamo) หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายการ์ดระหว่างประเทศของสไตรป์
"ที่สไตรป์ เราจดจ่ออยู่กับการช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เพิ่มรายได้ ในปีที่ผ่านมา ผู้ถือบัตร 40% เปลี่ยนบัตรของตน เนื่องจากบัตรหมดอายุ สูญหาย หรือถูกล้วงข้อมูลจากการฉ้อโกง และโดยทั่วไปแล้วผู้ถือบัตรส่วนใหญ่จะไม่อัปเดตข้อมูลและรายละเอียดบัตรของตน ทางเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรรายแรกกับวีซ่า เพื่อขยายการอัปเดตแบบเรียลไทม์ไปยังธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะส่งผลให้ประสบการณ์การชำระเงินราบรื่นยิ่งขึ้น โดยที่ลูกค้าสามารถทำการซื้อให้เสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง"
คุณฟิล พอมฟอร์ด (Phil Pomford) รองประธานอาวุโส ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเวิลด์เพย์ จากบริษัทเอฟไอเอส (FIS)
"ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันการชำระเงินชั้นนำ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับวีซ่า เพื่อสนับสนุนให้ใช้ชุดระบบอัปเดตบัญชีวีซ่า (Visa Account Updater Suite) หรือ VAUS ให้กับลูกค้าของเราในเอเชียแปซิฟิก ความใฝ่ฝันของเราคือการทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อเร่งการค้าระดับโลกสำหรับผู้ค้าและผู้บริโภคของเรา และชุดระบบอัปเดตบัญชีวีซ่านี้จะปฏิวัติวิธีที่ธุรกิจจัดการกับปัญหาการอัปเดตบัตร ปรับปรุงอัตราการอนุมัติการชำระเงิน และลดความขัดแย้งของลูกค้า เพื่อช่วยให้ผู้ค้ามีรายได้เพิ่ม"
เกี่ยวกับวีซ่า
วีซ่า (Visa) (NYSE:V) เป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก วีซ่าให้บริการในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างผู้บริโภค ร้านค้า สถาบันการเงิน และหน่วยงานภาครัฐในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้ สะดวก และปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภค ร้านค้า และเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อว่าเศรษฐกิจที่รวมทุกคนในทุกที่เข้าด้วยกัน จะช่วยยกระดับทุกคนในทุกที่ และมองว่าการเข้าถึงเป็นรากฐานสำคัญในการเคลื่อนย้ายเงินในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Visa.com
[1] ใช้ได้กับตลาดเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ยกเว้นบังกลาเทศ จีนแผ่นดินใหญ่ และอินเดีย