omniture

รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนของ "ฟาราซิส เอเนอร์จี" ออกจากสายการผลิตแล้ว

Farasis Energy
2024-01-09 21:21 53

นับเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นของยุคแบตเตอรี่โซเดียม

ก้านโจว, จีน--9 มกราคม 2567--พีอาร์นิวส์ไวร์/ --

การถือกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (sodium-ion) ได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในส่วนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่

The world's first EV powered by Farasis Energy’s sodium-ion batteries rolls off the production line
The world's first EV powered by Farasis Energy’s sodium-ion batteries rolls off the production line

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ณ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทเจเอ็มอีวี (JMEV) ในนครหนานชาง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ได้มีการจัดพิธีเฉลิมฉลองให้กับรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนของบริษัท ฟาราซิส เอเนอร์จี (Farasis Energy) เนื่องในโอกาสที่ออกจากสายการผลิตเป็นที่เรียบร้อย

โดยรถยนต์ไฟฟ้า JMEV EV3 (Youth Edition) ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม A00 รุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่นวัตกรรมใหม่ดังกล่าว โดยมีระยะทางวิ่ง 251 กิโลเมตร สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่วัยหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยพลัง ตอบโจทย์การเดินทางในชีวิตประจำวันและการสัญจรทั่วเมือง

แบตเตอรี่โซเดียมไอออนของฟาราซิส เอเนอร์จี โดดเด่นด้วยการผสานเลเยอร์ออกไซด์ (layered oxides) และคาร์บอนแข็ง (hard carbon) ซึ่งสร้างมาตรฐานที่น่าประทับใจสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ดังนี้

  • ความหนาแน่นของพลังงาน: 140-160 วัตต์ชั่วโมง/กิโลกรัม
  • ความปลอดภัย: เซลล์แบตเตอรี่ได้รับการทดสอบอย่างครอบคลุม โดยผ่านการทดสอบหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการทดสอบการลัดวงจร การชาร์จไฟมากเกินไป การคายประจุมากเกินไป การบวม และการแช่น้ำ ขณะที่ชุดแบตเตอรี่ก็ได้มาตรฐาน โดยไม่มีการสะสมความร้อนจนควบคุมไม่ได้ (no thermal runaway หรือ NO TP)
  • ประสิทธิภาพการทำงานในอุณหภูมิต่ำ: แบตเตอรี่รักษาความสามารถในการคายประจุได้มากกว่า 91% ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส (-4 องศาฟาเรนไฮต์)
  • วงจรชีวิต: อายุการใช้งานที่ยาวนานสามารถตอบโจทย์การใช้งานของรถยนต์โดยสารไฟฟ้าและรถสองล้อไฟฟ้า
  • วัสดุเคมี: นอกจากเลเยอร์ออกไซด์แล้ว ฟาราซิส เอเนอร์จี ยังก้าวล้ำในด้านการพัฒนาวัสดุระดับพรีเมียมอื่น ๆ เช่น ปรัสเซียนบลูแอนะล็อก (Prussian blue analogue) และสารประกอบโพลีอะนิโอนิก (polyanionic)

นอกจากนี้ ฟาราซิส เอเนอร์จี กำลังเตรียมพร้อมสำหรับก้าวกระโดดครั้งใหญ่ขั้นต่อไปในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมไอออนรุ่นที่สองในปี 2567 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความหนาแน่นของพลังงาน 160-180 วัตต์ชั่วโมง/กิโลกรัม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 180-200 วัตต์ชั่วโมง/กิโลกรัม ในปี 2569 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนของบริษัทมากยิ่งขึ้น ฟาราซิส เอเนอร์จี จึงเดินหน้าสร้างความร่วมมือในหลายภาคส่วน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กกลุ่ม A00 รถสองล้อไฟฟ้า บริการสลับแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) โดยบริษัทได้รับกระแสตอบรับเชิงบวกจากลูกค้าที่ได้รับมอบและทดลองใช้งานแบตเตอรี่ต้นแบบ

ในขณะที่เริ่มมีการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในปริมาณมาก ฟาราซิส เอเนอร์จี ก็มีความพร้อมเชิงกลยุทธ์ในการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย ส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการดึงดูดลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยแบตเตอรี่โซเดียมไอออนที่มีประสิทธิภาพการทำงานยอดเยี่ยมในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาระยะทางวิ่งที่ลดลงเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเจอกับอากาศเย็น นอกจากนี้ ความปลอดภัยและราคาที่เอื้อมถึงยังทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ในสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมกับยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้นวัตกรรมแบตเตอรี่โซเดียมไอออนเป็นส่วนเสริมที่สำคัญสำหรับระบบแบตเตอรี่ลิเธียมที่เน้นความคุ้มค่าและความปลอดภัยเป็นสำคัญ ครอบคลุมถึงระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และเชิงพาณิชย์

Source: Farasis Energy
Keywords: Alternative Energies Auto Environmental Products & Services Green Technology Oil/Energy Transportation Utilities Contracts Environmental Issues New products/services Cision Influencer List - ESG