บาร์เซโลนา, สเปน, 29 ก.พ. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- บริษัทร่วมหุ้น แยงซี ออปติคัล ไฟเบอร์ แอนด์ เคเบิล จำกัด (Yangtze Optical Fibre and Cable Joint Stock Limited Company) หรือวายโอเอฟซี (YOFC) ผู้นำระดับโลกในตลาดใยแก้วนำแสงและเคเบิล ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัยมากมาย ที่งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส บาร์เซโลนา (Mobile World Congress Barcelona หรือ MWC Barcelona) ประจำปี 2567 วายโอเอฟซีจัดแสดงในธีม "เชื่อมต่ออนาคตด้วยไฟเบอร์" (Connecting the Future with Fibre) เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าใน 5 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ เดินหน้าสู่ยุค 5G ขั้นสูง (Move Toward 5G Advanced) ศูนย์กลางใหม่ของการประมวลผลอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (New Hub of Green Computing) คุณค่าใหม่ของพลังงานดิจิทัล (New Value of Digital Energy) ประสบการณ์ใหม่ของชีวิตดิจิทัล (New Experience of Digital Life) และลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Bridge the Digital Gap)
เดินหน้าสู่ยุค 5G ขั้นสูง
การถือกำเนิดของเทคโนโลยี 5G เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ โดยปลดล็อกรูปแบบการใช้งานและสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่ต้องอาศัยขีดความสามารถเครือข่ายที่ยกระดับไปอีกขั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิด 5.5G ขึ้นมา ซึ่งในบริบทนี้ ใยแก้วนำแสงจะทำหน้าที่เป็นช่องทางสำคัญในการรับส่งข้อมูล ก่อให้เกิดโครงข่ายการสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างกันอย่างแพร่หลายในยุค 5.5G และในระหว่างการจัดแสดงครั้งนี้ วายโอเอฟซีก็ได้จัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดในด้านใยแก้วนำแสง ได้แก่
นอกจากนี้ วายโอเอฟซีได้รุกวิจัยและพัฒนาเส้นใยแก้วนำแสงแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตและความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งภายในงานนี้ ผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงเจเนอเรชันใหม่ของวายโอเอฟซี ซึ่งมีไฟเบอร์มัลติเพล็กซ์แบบแบ่งพื้นที่ (SDM) และออปติคอลไฟเบอร์แกนกลวงเป็นไฮไลต์หลัก ก็เรียกความสนใจจากคนในวงการได้เป็นอย่างมาก
ศูนย์กลางใหม่ของการประมวลผลอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ประจำปีนี้ กลไกสำคัญของยุคดิจิทัลอย่างศูนย์ข้อมูลซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั่วโลกนั้น ได้กลายเป็นไฮไลต์ที่ดึงดูดทุกสายตา ซึ่งในระหว่างงานนี้ วายโอเอฟซีได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างโซลูชันสายเคเบิลศูนย์ข้อมูลสีเขียว iCONEC ซึ่งนอกจากจะช่วยขยายแบนด์วิดท์และทำให้ศูนย์ข้อมูลใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และปรับปรุงต้นทุนในกระบวนการทำงาน
นอกจากนี้ วายโอเอฟซียังได้เปิดตัวโซลูชันโมดูลออปติคัลแบบองค์รวม สำหรับเครือข่ายประมวลผลของศูนย์ข้อมูลพลังเอไอ วายโอเอฟซีก้าวหน้าไปไกลกว่าเทคโนโลยี III-V แบบเดิม ๆ โดยได้เปิดตัวโซลูชันโมดูลออปติคอล 400G/800G แบบใหม่ ซึ่งนำเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์มาใช้ประโยชน์ ความก้าวหน้าครั้งนี้คาดว่าจะลดการใช้พลังงานโมดูลออปติคัลลงได้ประมาณ 20% นับเป็นการเปิดยุคใหม่ของศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
คุณค่าใหม่ของพลังงานดิจิทัล
นวัตกรรมดิจิทัลกำลังเข้ามากระตุ้นภาคพลังงาน โดยเข้ามาพลิกโฉมทุกสิ่ง ตั้งแต่โครงข่ายไฟฟ้าไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานทางทะเล วายโอเอฟซีได้รับหน้าที่เป็นกำลังสำคัญในการปฏิวัติครั้งนี้ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ มากมาย เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานพลังงานดิจิทัล
ในด้านพลังงานไฟฟ้านั้น ระบบสื่อสัญญาณไฟฟ้าแรงสูงพิเศษ (UHV) เป็นเทคโนโลยีส่งกำลังที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก วายโอเอฟซีนำเสนอโซลูชันพลังงานดิจิทัลอย่างครอบคลุมสำหรับระบบส่งสัญญาณ UHV DC ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์ G654E, สายเคเบิล ADSS (All-Dielectric Self-Supporting) และ OPGW (สายกราวด์แบบออปติคอล) สายเคเบิลทนไฟแรงดันสูง หัวต่อไฟฟ้า และหน่วยอุปกรณ์ออปติคอล นอกจากนี้ วายโอเอฟซียังให้บริการคำแนะนำด้านการก่อสร้างอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบแรงสูงพิเศษ
สำหรับภาคส่วนทางทะเลนั้น วายโอเอฟซีเข้ามาบุกเบิกความก้าวหน้าตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางวิศวกรรมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำและสายไฟฟ้า ไปจนถึงชุดโซลูชันที่เกี่ยวข้องและบริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) บริการเหล่านี้รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่การอำนวยความสะดวกในการส่งพลังงานลมนอกชายฝั่งและให้บริการแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง ไปจนถึงการสื่อสารข้ามมหาสมุทร และการสร้างเครือข่ายสังเกตการณ์ใต้น้ำ โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของวายโอเอฟซีในอุปกรณ์พลังงานลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ ก็ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันในด้านวิศวกรรมทางทะเล
ประสบการณ์ใหม่ของชีวิตดิจิทัล
ในยุคที่การเชื่อมต่อดิจิทัลอย่างไหลลื่นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง วายโอเอฟซีก็กำลังก้าวไปอีกขั้นในการขจัดปัญหาคอขวด 'ปลายทาง' ที่พบได้บ่อยครั้งในการสื่อสารเคลื่อนที่ โดยนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อแบบออปติคอลที่ครอบคลุมเพื่อยกระดับชีวิตดิจิทัลให้กับผู้ใช้
วายโอเอฟซีมุ่งเน้นไปที่ความต้องการในการขนส่งทางรถไฟสมัยใหม่ โดยได้เปิดตัวโซลูชันพิเศษที่ตอบสนองความต้องการด้านความถี่ที่หลากหลายของระบบการสื่อสารไร้สายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี วายโอเอฟซีมาพร้อมสายโคแอกเซียลที่แพร่คลื่น (leaky) และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่มีความบุกเบิก เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารบนชานชาลาและอุโมงค์รถไฟ จะเพลิดเพลินกับความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับกิกะบิตคู่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ที่มือถือกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ไปแล้ว
ในด้านสายเคเบิลเครือข่ายออปติกนั้น โซลูชันพรีคอนเนกชัน F.ODN แบบใหม่ของวายโอเอฟซีช่วยลดเวลาในการติดตั้งลงถึง 80% เมื่อเทียบกับวิธีเดิม ๆ ช่วยให้ลูกค้าปรับใช้เครือข่ายระดับพรีเมียมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โซลูชันซ่อนสายเคเบิล FTTR (Fibre to The Room) ที่ทางวายโอเอฟซีได้เปิดตัวไปนั้น ก็มีผู้ให้บริการเครือข่ายนำไปใช้อย่างรวดเร็วด้วย โดยผู้ให้บริการเครือข่ายมองเห็นคุณประโยชน์ของโซลูชันนี้ เพราะทั้งช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนในการติดตั้ง แถมยังได้ผลลัพธ์ที่น่ามองด้วย
นอกจากนี้ วายโอเอฟซียังได้จัดแสดงสายเคเบิลแอคทีฟออปติคอลระดับแนวหน้า เพื่อรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมเสียงและวิดีโออัจฉริยะ โดยมีไฟเบอร์ที่ทนต่อการบิดงออันเป็นกรรมสิทธิ์อย่าง BendRobust® เป็นดาวเด่น และได้รับความสนใจอย่างมาก ผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นและความสามารถในการรับส่งข้อมูล นับเป็นก้าวสำคัญในวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมและมัลติมีเดีย
ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล
วายโอเอฟซีได้เดินหน้าภารกิจอันยิ่งใหญ่ เพื่อนำการเชื่อมต่อใยแก้วนำแสงไปยังทั่วทุกมุมที่ห่างไกลที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2557 วายโอเอฟซีมีโรงงานผลิตในอินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และโปแลนด์ โดยมีบทบาทเป็นผู้นำในระดับสากลเพื่อเชื่อมโยงชุมชนด้อยโอกาส ไม่ว่าจะตั้งแต่ป่าอันเขียวชอุ่มของฟิลิปปินส์ ไปจนถึงเมืองอันกว้างใหญ่ที่วนเวียนเสมือนเขาวงกตในเปรูและอินโดนีเซีย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ไต่ภูเขาสูงชัน หรือฝ่าฟันความสลับซับซ้อนของสลัมในเมือง วายโอเอฟซีก็เข้ามามีบทบาทเสมอมา โดยได้รับแรงผลักดันจากความเชื่อที่ว่าทุกคนสมควรได้รับการเชื่อมโยง