วาดุซ 11 มีนาคม 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- LGT กลุ่มบริษัทชั้นนำที่ดำเนินงานด้านไพรเวทแบงก์กิ้งและการบริหารสินทรัพย์ในระดับนานาชาติ ซึ่งมีราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์เป็นเจ้าของ รายงานผลดำเนินการธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 โดยรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2.57 พันล้านฟรังก์สวิส กำไรทั้งกลุ่มธุรกิจ ซึ่งสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการเติมโตโดยรวม มีมูลค่ารวม 375.3 ล้านฟรังก์สวิส การไหลเข้าของสินทรัพย์รวมเป็นอีกตัวเลขที่มีความแข็งแกร่ง อยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตจากภายในที่ 8% สินทรัพย์ภายใต้การบริหารปรับตัวขึ้น 10% อยู่ที่ 3.16 แสนล้านฟรังก์สวิสในช่วงสิ้นปี ซึ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติการของ LGT ฉะนั้น LGT จึงอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการให้บริการลูกค้าด้วยความเชี่ยวชาญด้านการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งในตลาดต่างประเทศ และมั่นใจว่าบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างมีกำไรต่อไปในปี 2567
ปีงบประมาณ 2566 ตลาดการเงินได้รับอิทธิพลจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนแนวโน้มเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ยากต่อการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสภาวะการลงทุนจะมีความท้าทาย แต่รายได้ของกลุ่มบริษัทยังคงพัฒนาในเกณฑ์ดีทั่วทุกด้าน ผลกำไรของ LGT ที่เติบโตเรื่อย ๆ สะท้อนถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการพัฒนาบริการและความเชี่ยวชาญในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด และด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2566 ผลการดำเนินการของ LGT ได้ถูกสะท้อนจากการควบซื้อกิจการ abrdn ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งในสหราชอาณาจักร
รายได้การดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทได้เพิ่มขึ้น 11% ในปี 2566 เป็นจำนวน 2.57 พันล้านฟรังก์สวิส รายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1.56 พันล้านฟรังก์สวิส ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน (-2%) เนื่องจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงและค่าส่วนแบ่งผลกำไรที่ลดลง รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 33% เป็น 517.2 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นบวกและการบริหารจัดการบัญชีงบดุลอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 50% เป็น 493.5 ล้านฟรังก์สวิส โดยปัจจัยหลักเกิดจากการประเมินมูลค่าพอร์ตพันธบัตรและธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มขึ้น 12% เป็น 1.48 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากการเติบโตโดยรวมของจำนวนบุคลากร ทั้งที่เป็นการเติบโตจากภายในและจากการเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าตอบแทนที่เชื่อมโยงกับผลการปฏิบัติงานในระยะยาวของพนักงาน ค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจและการดำเนินงานทั่วไปเพิ่มขึ้น 17% เป็น 427.8 ล้านฟรังก์สวิส โดยมีต้นทุนด้านการเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น และค่าบริหารโปรเจคและค่าที่ปรึกษาที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยหลัก ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และเงินสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 201.8 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสะท้อนถึงการปรับมูลค่าหุ้นและการตั้งสำรองที่สูงขึ้นสำหรับความเสี่ยงในการดำเนินงาน
อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 74.2% ณ สิ้นปี 2566 เพิ่มขึ้น 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี กำไรของกลุ่มสำหรับปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ 375.3 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม LGT มีทุนจดทะเบียนในเกณฑ์ที่ดี โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 19.9% ณ สิ้นปี 2566 และมีสภาพคล่องในระดับสูง
สินทรัพย์สุทธิไหลเข้า 2.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิส
ในปี 2566 LGT มีการรายงานจำนวนเม็ดเงินใหม่สุทธิที่ดีเยี่ยมอยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 8% (2565: 6%) ในทุกภูมิภาคและหน่วยธุรกิจ ทั้งไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์มีส่วนเกี่ยวข้องในการเติบโตของกลุ่มสินทรัพย์ใหม่นี้ ตามที่ระบุไว้ในประกาศผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2566 สินทรัพย์ใหม่สุทธิสำหรับปีที่รายงานประกอบไปด้วยการไหลเข้าประมาณ 7 พันล้านฟรังก์สวิสจากลูกค้ากองทุนบำเหน็จบำนาญรายใหญ่ของ LGT Capital Partners
สินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้น 10% และมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3.16 แสนล้านฟรังก์สวิส ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เมื่อเทียบกับ 2.872 แสนล้านฟรังก์สวิส ณ สิ้นปี 2565 นอกเหนือจากการเติบโตของเงินใหม่สุทธิแล้ว LGT ยังได้เข้าซื้อธุรกิจการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งในสหราชอาณาจักรเช่น abrdn ซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับผลการดำเนินงานอีก 6.4 พันล้านฟรังก์สวิสอีกด้วย ผลการดำเนินงานของตลาดที่ไปในทิศทางบวกในระหว่างรอบระยะเวลารายงานถูกชดเชยด้วยผลกระทบด้านลบเล็กน้อยจากสกุลเงินต่างประเทศ
แนวโน้มภาพรวม
LGT อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากในการให้บริการลูกค้าด้วยความเชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งในตลาดต่างประเทศ และมั่นใจว่าบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างมีกำไรต่อไปในปี 2567 ด้วยการขยายการดำเนินงานในต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา LGT ได้เปิดช่องทางใหม่ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโต การขยายตัวล่าสุดของภาคธุรกิจไพรเวทแบงก์กิ้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไปยังออสเตรเลีย อินเดีย ไทย และญี่ปุ่น ได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเข้าสู่ตลาดไพรเวทแบงก์กิ้งในประเทศเยอรมนีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 ก็มีการพัฒนาไปในทิศทางบวกเช่นกัน หลังจากที่ได้เปิดสำนักงานแห่งแรกในฮัมบวร์ก ขณะนี้ไพรเวทแบงก์กิ้งของ LGT ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในเมืองโคโลญ ดุสเซลดอร์ฟ และแฟรงก์เฟิร์ต และวางแผนที่จะขยายไปยังสถานที่อื่น ๆ อีกในปี 2567
LGT Capital Partners ยังได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้นำในตลาดเพื่อให้ได้บรรลุการเติบโตที่มากยิ่งขึ้นในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทให้บริการลูกค้าสถาบันกว่า 700 รายใน 15 แห่งทั่วโลก และในช่วงปี 2566 ได้มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ LGT Capital Partners ยังเพิ่งเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ โดยเน้นย้ำถึงความสำเร็จในการแบ่งแยกธุรกิจ LGT ทั้งสองออกเป็นบริษัทเดี่ยวอย่างชัดเจนได้อีกด้วย
LGT ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแพลตฟอร์มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวศูนย์ LGT Incubator and Accelerator ที่เมืองบาร์เซโลนาในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2566 ซึ่งปัจจุบันได้มีศูนย์รวมนวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาบริการและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ทันสมัยเป็นที่เรียบร้อย วัตถุประสงค์หลักของศูนย์คือการสร้างแอปพลิเคชันที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของบริการธนาคารระบบดิจิทัล นอกจากนี้ LGT ยังได้ลงทุนจำนวนมากเพื่อสร้างทรัพยากรในด้านปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย
ความยั่งยืนถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ LGT มานานกว่า 15 ปี โดยได้มีการตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานและการลงทุนของบริษัทให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 LGT ยังคงดำเนินการตามเป้าหมายในการขยายการลงทุนที่ยั่งยืนต่อไป ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชันเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนสำหรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนของ LGT ได้รับการยอมรับอีกครั้งในปีที่ผ่านมาด้วยรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัล Best Sustainability Offering จากงาน WealthBriefing Wealth for Good Awards 2023 และรางวัล Best Private Bank for Alternatives เป็นครั้งที่ 5 จากงาน Global Private Banking Awards อันทรงเกียรติ ซึ่งจัดโดยสื่อสิ่งพิมพ์ Financial Times, Professional Wealth Management และ The Banker
เจ้าชายแมกซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LGT กล่าวว่า "ผลประกอบการของเราในปี 2566 เป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจในระดับสูงที่ลูกค้ามอบให้เรา และสถานะในตลาดที่แข็งแกร่งของ LGT ขอขอบคุณพนักงานที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพของเรา ควบคู่ไปกับการสนับสนุนจากโซลูชันดิจิทัล รวมถึงเครือข่ายที่กว้างขวางของเราในระดับสากลและรูปแบบธุรกิจที่มั่นคง เราจะยังคงมอบความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้าของเรา และพัฒนาโซลูชันความมั่งคั่งและการลงทุนที่ยั่งยืนต่อไป เรามั่นใจว่าสิ่งนี้จะทำให้เราเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต"
เกี่ยวกับ แอลจีที
LGT คือผู้นำกลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวทแบงก์กิ้งและการจัดการสินทรัพย์นานาชาติ ซึ่งบริหารงานโดยราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 90 ปี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 LGT มีมูลค่าการจัดการสินทรัพย์ 3.16 แสนล้านฟรังก์สวิส (3.756 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่ง และลูกค้าสถาบัน มีพนักงานมากกว่า 5,600 คน ในสำนักงานมากกว่า 30 แห่งทั้งในภูมิภาคยุโรป เอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง www.lgt.com
ข้อมูลตัวเลข ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566
31.12.2023 |
31.12.2022 |
การปรับเปลี่ยน % |
|
งบกำไรขาดทุนรวม (ล้านฟรังก์สวิส) |
|||
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและขาดทุนด้านเครดิต |
517.2 |
390.0 |
33 |
รายได้จากการให้บริการ |
1 556.2 |
1 590.2 |
-2 |
รายได้จากกิจกรรมการค้าและการดำเนินงานอื่น ๆ |
493.5 |
328.7 |
50 |
รายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด |
2 567.0 |
2 308.9 |
11 |
ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร |
1 478.0 |
1 318.1 |
12 |
ค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจและการดำเนินงานทั่วไป |
427.8 |
364.5 |
17 |
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด |
1 905.8 |
1 682.5 |
13 |
ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และเงินสำรอง |
201.8 |
138.4 |
46 |
ภาษีและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย |
84.0 |
67.1 |
25 |
กำไรรวมของกลุ่ม |
375.3 |
420.8 |
-11 |
สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (พันล้านฟรังก์สวิส) |
316.0 |
287.2 |
10 |
การไหลเข้าของสินทรัพย์สุทธิ (พันล้านฟรังก์สวิส) |
21.9 |
17.1 |
|
การเติบโตของสินทรัพย์จากการควบซื้อกิจการ (พันล้านฟรังก์สวิส) |
6.4 |
16.6 |
|
สินทรัพย์รวม (พันล้านฟรังก์สวิส) |
58.1 |
61.1 |
-5 |
ทุนจดทะเบียนของกลุ่ม (ล้านฟรังก์สวิส) |
5 987 |
6 022 |
-1 |
อัตราส่วน |
|||
อัตราส่วนต้นทุน/รายได้ |
74.2 % |
72.9 % |
|
อัตราเลเวอเรจ BIS/Basel III |
7.7 % |
7.3 % |
|
อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของส่วนผู้ถือหุ้น (CET 1) |
19.9 % |
19.1 % |
|
อัตราส่วนความสามารถในการครอบคลุมสภาพคล่อง (LCR) |
235.9 % |
229.0 % |
|
จำนวนพนักงาน |
5 638 |
4 913 |
15 |
การจัดอันดับ Moody's/Standard & Poor's สำหรับ LGT Bank Ltd. |
Aa2/A+ |
Aa2/A+ |
การเข้าซื้อธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง abrdn ในสหราชอาณาจักร ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566, การเข้าซื้อกิจการ Crestone Wealth Management ในประเทศออสเตรเลีย ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 และการเข้าซื้อกิจการ Validus Wealth ผู้จัดการด้านความมั่งคั่งในประเทศอินเดีย ณ วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565
อัตราส่วน CET1 ของ LGT เท่ากับอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมด
ตรวจสอบเมื่อวันที่: 25 เมษายน 2567