อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, 22 เมษายน 2567 /PRNewswire/ -- ดร. สุลต่าน อัล จาเบอร์ ประธาน COP28 (การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28) ได้รับการยกย่องจากสภาพลังงานโลก (World Energy Council) ด้านความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานผ่านการส่งมอบฉันทามติครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
ดร. อัล จาเบอร์ ได้รับ 'รางวัลผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานระดับโลก' ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่รางวัลผู้นำด้านพลังงานโลก (World Energy Leadership Awards) ครั้งปฐมฤกษ์ ณ งานเลี้ยงอาหารค่ำครบรอบ 100 ปีของสภาสิ่งแวดล้อมโลก ก่อนการประชุม World Energy Congress ในวันนี้ รางวัลนี้มอบให้เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานของเขาในฉันทามติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE Consensus) และการเปิดตัวพันธมิตรการเปลี่ยนผ่านพลังงานปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ในภาคส่วนพลังงานต่าง ๆ
"รางวัลนี้ถือเป็นการเชิดชูวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของผู้นำ UAE ในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบ" ประธานกล่าวในสุนทรพจน์รับรางวัล "พวกเขารณรงค์ให้ทั้งโลกรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีบทบาทสำคัญในการบรรลุฉันทามติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" เขากล่าว
ดร.แองเจลา วิลคินสัน เลขาธิการและซีอีโอของสภาพลังงานโลก กล่าวว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัลผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานระดับโลกครั้งปฐมฤกษ์กับ ฯ พณ ฯ ดร. สุลต่าน อาห์เม็ด อัล-จาเบอร์ ที่ได้บรรลุข้อตกลง COP28 ครั้งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่า ฉันทามติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE Consensus) และที่ได้ประสบความสำเร็จต่อยอดในการเปิดตัวพันธมิตรการเปลี่ยนผ่านพลังงานปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนพลังงานต่าง ๆ ความมุ่งมั่นและความพากเพียรของเขาได้กำหนดทิศทางใหม่ด้านพลังงานโลกในการเร่งการลดการปล่อยคาร์บอนด้วยความยุติธรรมและความยืดหยุ่น ส่งผลดียั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม"
นับตั้งแต่การประชุม COP28 ฉันทามติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กลายเป็นจุดอ้างอิงในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศโลก โดยให้ทิศทางที่ชัดเจนแก่ประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีการรักษาอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5°C ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนข้อตกลงให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และเป็นการยืนยันว่าจะมีการนำไปปฏิบัติทั่วโลก
"ข้อตกลงที่สร้างความฮือฮานี้ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงสำหรับการทูตด้านสภาพภูมิอากาศ" ดร. อัล จาเบอร์ กล่าวกับคณะผู้แทน โดยนำเสนอสิ่งที่เป็น "ครั้งแรก" หลายประการ ได้แก่คำมั่นสัญญาจากทุกฝ่ายในการเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบพลังงานอย่างยุติธรรม เป็นระเบียบ และเท่าเทียมกัน เป้าหมายที่มีกำหนดเวลาในการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกเป็นสามเท่า และเป็นการประชุมรัฐภาคีครั้งแรกที่ดึงอุตสาหกรรมมาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนน้ำมันและแกส
"ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การประชุม COP28 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการไม่แบ่งแยก" ท่านประธานกล่าว "เราขับเคลื่อนโลกให้ก้าวไปไกลกว่าผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเรากำหนดทิศทางที่ชัดเจนตามแนวทางวิทยาศาสตร์เพื่อรักษาอุณหภูมิเป้าหมายให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5°C ตอนนี้เราต้องแสดงความสามัคคีนั้นในการเปลี่ยนข้อตกลงที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กลายเป็นการกระทำที่ไม่เคยมีมาก่อนให้ได้"
"UAE อยู่แนวหน้าของการเติบโตนี้" คุณอัล จาเบอร์ กล่าว "ที่จริงแล้ว หากคุณล่องเรือจากที่นี่ไปยังทะเลเหนือ คุณจะเห็นกังหันลมสีขาวที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลงทุนผ่านมาสดาร์ (Masdar) เรียงกันเป็นกำแพง โครงการต่าง ๆ เช่น ฟาร์มกังหันลม London Array Dudgeon Dogger Bank และ Baltic Eagle กำลังช่วยให้ยุโรปกลายเป็นผู้นำด้านพลังงานลมระดับโลก"
อย่างไรก็ตาม ไฮโดรคาร์บอนยังคงคิดเป็นร้อยละ 80 ของพลังงานผสมในปัจจุบัน เขากล่าว และด้วยความต้องการพลังงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 4 ในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า โลกจึงจำเป็นต้องหาสิ่งที่มาทดแทนน้ำมัน แกสและถ่านหินปริมาณเทียบเท่ากว่า 270 ล้านบาร์เรลต่อวัน
"นี่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวิศวกรรมในเวลาเดียวกัน" ดร. อัล จาเบอร์ กล่าว "และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง"
ประธานได้เน้นย้ำการเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ปรับใช้เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDCs) ที่กำลังจะมีขึ้น และให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ร่วมมือกันในการลดการปล่อยคาร์บอนทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานของระบบพลังงานในปัจจุบัน
