นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ล่าสุดจากทรินาโซลาร์ สอดคล้องตามแผนพัฒนาพลังไฟฟ้าปี 2567 และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียน
กรุงเทพฯ - 4 กรกฎาคม 2567 - ทรินาโซลาร์ ผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์โฟโตวอลเทอิก (PV หรือโซลาร์เซลล์) และระบบกักเก็บพลังงาน ประกาศแผนกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดพลังงานหมุนเวียนในไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษในอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ ทำให้ทรินาโซลาร์ มีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ ชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อรองรับการใช้งานในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสาธารณูปโภค การพาณิชย์ อุตสาหกรรม (รวมถึงภาคการผลิต การดูแลสุขภาพ และการบริการ) ตลอดจนโครงการที่อยู่อาศัย กล่าวได้ว่าทั้งระบบโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ของบริษัทพร้อมรับบทบาทสำคัญที่จะช่วยนำพาประเทศไทยไปสู่การบรรลุผลสำเร็จด้านพลังงานได้ตามเป้าหมาย
(L-R) Dr Leo Zhao, Head of Energy Storage, Trinasolar Asia Pacific and Dave Wang, Subregion Head of Trinasolar Asia Pacific at a media briefing conducted in Bangkok, Thailand
ข้อมูลตามแผนพัฒนาพลังไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) คาดการณ์ว่า การใช้พลังงานหมุนเวียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 51% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 20% ในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะมีสัดส่วนประมาณ 70% ของพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด ขณะเดียวกันแผน PDP ยังระบุถึงมาตรการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) ซึ่งมีความสำคัญและกระตุ้นให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ไฟฟ้าตามราคาที่แตกต่างกันตลอดทั้งวัน โดยมีเป้าหมายเพื่อการเพิ่มศักยภาพในการลดความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด (Peak Demand)
แผนโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะหรือสมาร์ตกริดของประเทศได้ตั้งเป้าลดความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดลง 1,000 เมกะวัตต์ และเพิ่มอีก 1,000 เมกะวัตต์ ผ่านการใช้แหล่งพลังงานแบบกระจายศูนย์ (DER) ซึ่งรวมถึงระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กและระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ซึ่งจะถูกรวมเข้ากับระบบไมโครกริดหรือโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อให้ได้แหล่งพลังงานที่มั่นคง
แผนการที่ยิ่งใหญ่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608
ในขณะเดียวกัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็กำลังเร่งบุกเบิกการผลิตพลังงานสะอาดด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อน โดยมีแผนที่จะพัฒนาโครงการสำคัญอย่างโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดทั้งสิ้น 16 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 2,725 เมกะวัตต์ (MW) ปัจจุบันโครงการนำร่องที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ได้เริ่มดำเนินการแล้วด้วยกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์และ 24 เมกะวัตต์ ตามลำดับ
เดฟ หวัง หัวหน้าอนุภูมิภาคประจำเอเชียแปซิฟิกของทรินาโซลาร์ ให้ความเห็นว่า "ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วจากบริษัทชั้นนำอย่างทรินาโซลาร์ ได้ช่วยลดต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมากตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรม ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ ชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ทำให้ทรินาโซลาร์ มีความพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการปลดล็อกศักยภาพและบรรลุเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์"
ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์รุ่น Vertex N ที่การันตีด้วยรางวัลชั้นนำ ได้ผสานสุดยอดเทคโนโลยี 2 ด้านเข้าด้วยกัน ได้แก่ เทคโนโลยี n-type i-TOPCon และเทคโนโลยีแผ่นเวเฟอร์ขนาด 210 มม. จนให้กำลังการผลิตที่สร้างสถิติโลก (740.6 วัตต์ ในห้องปฏิบัติการ) และให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ทั้งนี้ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่ครบวงจรอย่างทรินาโซลาร์ ได้เข้ามายกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยแผงโซลาร์กำลังสูงที่ทำงานได้อย่างลงตัวกับชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน จนได้เป็นโซลูชันที่ทำงานได้อย่างเสถียรที่สุด นอกจากนี้ การจัดหาอุปกรณ์ทั้งหมดจากแหล่งเดียวยังสะดวกต่อการขนส่งและการให้บริการหลังการติดตั้งระบบด้วย
เดฟ หวัง ยังกล่าวด้วยว่า ทรินาโซลาร์ จะให้ความสำคัญกับโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำและระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อสนับสนุนโครงการของรัฐบาลไทยในการผลักดันการใช้พลังงานทดแทนในกิจการพลังงานไฟฟ้า
ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำกำลังได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะใช้พื้นที่ว่างที่มีอยู่มากมายและอาศัยคุณสมบัติความเย็นตามธรรมชาติของน้ำ
โดยในประเทศไทยนั้น ทรินาโซลาร์ ได้ดำเนินการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำขนาด 24 เมกะวัตต์ ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้เริ่มใช้งานมาตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 โครงการนี้คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 41,000 ตัน และผลิตไฟฟ้าได้ 46 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี รองรับการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 18,000 ครัวเรือน ทั้งนี้แผงโซลาร์ตระกูล Vertex ของบริษัท ยังใช้ในโซลาร์ฟาร์มสำคัญๆ หลายแห่งทั้งในประเทศอินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์
การให้การยอมรับโซลาร์เซลล์ในวงกว้าง ตลอดจนการใช้แผงโซลาร์เซลล์และ BESS ในโครงการระดับสาธารณูปโภค ทำให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ในมิติใหม่หลายด้าน โดยการนำแบตเตอรี่มาช่วยกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินระหว่างวัน และจ่ายพลังงานเมื่อจำเป็น จะช่วยลดการพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ทำให้โครงข่ายไฟฟ้าบริหารจัดการได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถจ่ายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันและผลิตด้วยพลังงานน้ำในช่วงกลางคืน ขณะเดียวกัน BESS ก็จะช่วยกักเก็บการผลิตไฟฟ้าจากทั้งสองแหล่งในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ เราสามารถรวมกระแสไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ไว้ในระบบกักเก็บพลังงานได้ด้วย เช่น ที่ผลิตจากพลังงานความร้อนและพลังงานลม และเมื่อใช้งานร่วมกับเซลล์แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) ความจุสูงอย่าง Trina Storage Cell ที่มีอายุการใช้งานถึงราว 20 ปี ก็จะทำให้โครงการพลังงานทดแทนมีต้นทุนการกักเก็บพลังงานต่อหน่วย (LCOS) ลดลง และมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยรวมแล้วแนวทางดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงการรักษาระดับโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) และปรับปรุงความยืดหยุ่นทางพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้บริการที่สำคัญ
โซลูชันของทรินาโซลาร์ ในงานคอนเฟอเรนซ์ ASEW
ทรินาโซลาร์ ยึดมั่นในแนวคิด "พลังงานแสงอาทิตย์สำหรับทุกคน" ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังไฟฟ้าของประเทศไทย และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยทรินาโซลาร์ เป็นบริษัทเดียวที่นำเสนอผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ ชุดปรับมุมเอียงตามแสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน ทำให้มั่นใจได้ว่า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย (LCOE) และต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) จะลดลง
ทรินาโซลาร์ จะจัดแสดงโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ล่าสุดในงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) ที่กรุงเทพ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมายทั้งแผงโซลาร์รุ่น Vertex N, TrinaTracker Vanguard 1P ที่ปรับปรุงใหม่ และโซลูชันการกักเก็บพลังงาน ตัวอย่างเช่น Elementa 2 ขนาด 5MWh ซึ่งมาพร้อมเซลล์ LFP ความจุ 314Ah ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทรินาโซลาร์ โดยเฉพาะ
ทรินาโซลาร์ ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของบริษัท และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า เพื่อช่วยกันผลักดันอนาคตของพลังงานสะอาดในประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปด้วยกัน
ทรินาโซลาร์ จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ฮอลล์ 3 บูทหมายเลข R29 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 3 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
ข้อมูลเกี่ยวกับทรินาโซลาร์
บริษัท ทรินาโซลาร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 โดยมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์โฟโตวอลเทอิก (PV หรือโซลาร์เซลล์) โซลูชันระบบพลังงาน และพลังงานอัจฉริยะ ผลิตภัณฑ์ PV ของเราครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์ อีกทั้งยังมีระบบสำหรับสถานีไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนในด้านพลังงานอัจฉริยะนั้น เราให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การดำเนินงานและบำรุงรักษา โซลูชันการกักเก็บพลังงาน ไมโครกริดอัจฉริยะ และการพัฒนาและจำหน่ายระบบพลังงานจากหลายแหล่ง เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำโซลูชันด้านพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะและพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานใหม่เพื่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต
ยุทธศาสตร์โลกาภิวัตน์เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับทรินาโซลาร์ บริษัทของเราวางรากฐานให้พร้อมก้าวสู่ตลาดโลกตั้งแต่ต้น โดยทรินาโซลาร์ ก่อตั้งขึ้นที่เมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ที่ดูแลกิจการระดับโลกของเรา จากนั้นในปี พ.ศ. 2565 เราก็ได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ระหว่างประเทศที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานระดับโลกของเราอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาจากกว่า 70 ประเทศและภูมิภาค เข้ามาร่วมงานกับเรามากมาย เรามีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคทั้งในซูริก ซิลิคอนวัลเลย์ ไมอามี สิงคโปร์ และดูไบ ตลอดจนสำนักงานหรือสาขาในมาดริด เม็กซิโก ซิดนีย์ และโรม และเรายังมีฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมแล้วบริษัทได้ดำเนินกิจการในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก