มะนิลา ฟิลิปปินส์, 5 สิงหาคม 2567 /PRNewswire/ -- DITO หนึ่งในสามผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในฟิลิปปินส์ ได้บรรลุความก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนา 5G ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ โดย DITO ได้เริ่มต้นการโยกย้ายบริการต่าง ๆ สู่ศูนย์ข้อมูล (DC) ที่สร้างขึ้นเองของบริษัทฯ ในปี 2565 เพื่อพัฒนาบริการการสื่อสาร โครงการโยกย้ายนี้ใช้เวลาสองปีและประกอบด้วยสองระยะ ทั้งนี้ โครงการนี้ได้ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลในฟิลิปปินส์ขึ้นไปอีกขั้น
1. การโยกย้ายบริการ 5G SA ในระดับใหญ่ของ DITO โดยไม่มีการรบกวนบริการแต่อย่างใด แสดงถึงประสบการณ์การบริหารจัดการเชิงเทคนิคและการบริหารโครงการที่ประสบความสำเร็จ
DITO เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในโครงการนี้ การโยกย้ายบริการ 5G SA ไปยังศูนย์ข้อมูลที่สร้างขึ้นเองของ DITO ในห้าภูมิภาคประกอบด้วยอุปกรณ์มากกว่า 3,000 ชิ้นจากผู้ผลิตด้านโทรคมนาคม 10 กว่ารายที่ให้บริการผู้ใช้ 10 ล้านราย ในการนี้ DITO ได้สร้างนวัตกรรมในด้านการบริหารจัดการเชิงเทคนิค การบริหารจัดการองค์กร การส่งมอบเชิงวิศวกรรม และการควบคุมความเสี่ยง ดังนี้
2. การทำงานร่วมกันระหว่าง DITO กับซัพพลายเออร์ ขับเคลื่อนการส่งมอบ 5G SA และส่งเสริมความสำเร็จของโครงการ
เครือข่ายแกนหลักเป็น "สมอง" ของเครือข่าย การโยกย้ายบริการของเครือข่ายแกนหลัก ซึ่งเป็นสมองของเครือข่าย เป็นส่วนที่ยากและซับซ้อนที่สุดของกระบวนการโยกย้าย ด้วยการใช้แพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับการออกแบบเครือข่าย การติดตั้งใช้งาน การทดสอบ และการโยกย้าย ทีมงานของโปรเจ็กสามารถดำเนินปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพ ทำให้มีการสร้างเครือข่าย 5G SA อย่างรวดเร็วระหว่างกระบวนการโยกย้าย ดังนี้
DITO และซัพพลายเออร์ได้จัดตั้งทีมรับประกันคุณภาพที่แข็งแกร่งซึ่งแบ่งเป็นลำดับขั้นสามระดับ โดยประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,000 คนจากทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่นนี้ช่วยให้เกิดความสำเร็จของโครงการ
3. ความสำเร็จของการโยกย้ายศูนย์ข้อมูลของ DITO จะเสริมสร้างความได้เปรียบระดับแนวหน้าในด้านการพัฒนา 5G ของ DITO
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา DITO เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบริการ 4G/5G ในฟิลิปปินส์ บริษัทฯ ได้นำเสนอบริการ 5G SA ประเภทสำหรับผู้บริโภค (2C) และสำหรับบ้าน (2H) ให้แก่ประเทศฟิลิปปินส์ มีการสร้างเครือข่ายระบบคลาวด์ล้วนแบบกระจายที่มีการผนวกรวมอย่างสมบูรณ์หลังจากโครงการโยกย้ายนี้ดำเนินการเสร็จสิ้น เครือข่ายเหล่านี้จะช่วยขยายสมรรถนะในการรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ตลอดจนเร่งการสำรวจและการพัฒนาบริการเชิงนวัตกรรม อย่างเช่น ระบบสื่อสารส่วนบุคคลสำหรับธุรกิจ (2B) และการสื่อสารผ่านดาวเทียม