omniture

โรงแรม ROYAL MANSOUR MARRAKECH ในโมร็อกโก คว้ารางวัล NO.3 GIN ART OF HOSPITALITY AWARD โดยเป็นส่วนหนึ่งของ THE WORLD'S 50 BEST HOTELS 2024

50 Best
2024-08-20 20:03 81

โรงแรมอันเลื่องชื่อแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ริยาดแบบดั้งเดิมของโมร็อกโก มอบความสงบร่มเย็นท่ามกลางความคึกคักใจกลางเมดินาแห่งมาร์ราเกช

ลอนดอน, 20 สิงหาคม 2024 /PRNewswire/ -- Royal Mansour Marrakech ประเทศโมร็อกโก ผงาดขึ้นเป็นผู้ชนะรางวัล No.3 Gin Art of Hospitality Award ก่อนงานประกาศรางวัล The World's 50 Best Hotels awards 2024 ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยได้เชิญผู้ลงคะแนนเสียงจาก The World's 50 Best Hotels Academy รวม 600 ท่าน มาร่วมเสนอชื่อสถานที่พักที่มอบประสบการณ์การต้อนรับที่ดีที่สุดในช่วงระยะเวลาการโหวต 18 เดือนที่ผ่านมา

Royal Mansour Marrakech wins the No.3 Gin Art of Hospitality Award as part of The World's 50 Best Hotels 2024.
Royal Mansour Marrakech wins the No.3 Gin Art of Hospitality Award as part of The World's 50 Best Hotels 2024.

รางวัลนี้มอบให้กับโรงแรมและพนักงานของโรงแรมนั้น ๆ ที่ให้บริการและใส่ใจรายละเอียดได้อย่างโดดเด่น โดยผู้ลงคะแนนเสียงประเมินหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน ทั้งบรรยากาศของโรงแรม ประสบการณ์สุดพิเศษที่มอบให้แขก และความอบอุ่นของการต้อนรับโดยรวม

โรงแรมแห่งนี้ออกแบบโดย King Mohammed VI ประกอบด้วยที่พักสไตล์ริยาด 53 หลังที่กระจายตัวอยู่ท่ามกลางสวนอันร่มรื่น สะท้อนสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่สร้างสรรค์โดยช่างฝีมือท้องถิ่น มุมร่มรื่นใต้ต้นอินทผลัม ลานกว้างอันเงียบสงบ และน้ำพุประดับโมเสก สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ปลีกวิเวกกลางเมือง ไฮไลต์สำคัญคือสปาขนาดใหญ่ ที่มีทั้งฮัมมัมและเมนูทรีตเมนต์แบบองค์รวม

Emma Sleight หัวหน้าฝ่ายคอนเทนต์ของ The World's 50 Best Hotels กล่าวว่า "Royal Mansour Marrakech เป็นแบบอย่างของการให้บริการที่แท้จริงมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่ถึงปีหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคว้นมาร์ราเกช-ซาฟี ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มอบรางวัลนี้เพื่อยกย่องความเข้มแข็งและความทุ่มเทของทางโรงแรม ในการส่งมอบบริการที่ยอดเยี่ยมแม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย"

แขกทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การพำนักในวังส่วนตัว พร้อมบริการระดับราชวงศ์ โดยโรงแรมมีระบบอุโมงค์ลับให้พนักงานบัตเลอร์ประจำแต่ละริยาดใช้ในการให้บริการอย่างเป็นส่วนตัวและไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของแขก

จิตวิญญาณแห่งการต้อนรับอันสง่างามในสไตล์โมร็อกโกยังสะท้อนผ่านร้านอาหารของโรงแรมด้วย ไม่ว่าจะเป็น La Grande Brasserie และ La Grande Table Marocaine ภายใต้การดูแลของเชฟชื่อดังอย่าง Hélène Darroze ไปจนถึง Sesamo ร้านอาหารอิตาเลียนหรูหราโดยพี่น้องตระกูล Alajmo ตลอดจน Le Jardin ที่ผสมผสานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนและเอเชียโดยเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ Jérôme Videau

Jean-Claude Messant กรรมการผู้จัดการของ Royal Mansour Collection กล่าวว่า "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โรงแรมหลักของเราได้รับรางวัลนี้ ความสำเร็จนี้เกิดจากทีมงานที่ยอดเยี่ยมของเรา ที่มุ่งมั่นส่งมอบการบริการระดับสูงสุด เพื่อให้แน่ใจว่าแขกทุกท่านจะกลับไปพร้อมความทรงจำอันวิเศษและเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเครือโรงแรมของเราขยายตัว เราจะยังคงพัฒนาแนวทางการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ"

รูปภาพ: https://mma.prnasia.com/media2/2484810/50_Best.jpg?p=medium600

ศูนย์สื่อมวลชน: https://mediacentre.theworlds50best.com

Source: 50 Best
Keywords: Entertainment Hotels and Resorts Travel Awards