omniture

IMF: วาระการปฏิรูปการเงินและกฎระเบียบของซาอุดีอาระเบียช่วยเร่งการเติบโตของราชอาณาจักร

Saudi Press Agency
2024-09-05 20:01 28

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย, 5 กันยายน 2567 /PRNewswire/ -- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเชิงบวกภายหลังการประชุมหารือเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการเงิน (Article IV Consultation) ร่วมกับซาอุดีอาระเบีย โดยรายงานของ IMF ยืนยันว่าวาระการปฏิรูปการเงินและกฎระเบียบของซาอุดีอาระเบียมีส่วนช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบีย ควบคุมเงินเฟ้อ และลดอัตราการว่างงานลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ IMF ยังได้ยกย่องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่และความพยายามในการกระจายความเสี่ยงของเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573

รายงานการประชุมหารือเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและการเงินของ IMF ชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูปที่ดำเนินการโดยราชอาณาจักร ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน รายงานยังระบุด้วยว่า การปฏิรูปของซาอุดีอาระเบียส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้สูงกว่าตัวเลขก่อนช่วงวิกฤติโควิด ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมของสตรีในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 35% สูงกว่าเป้าหมายในวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573 ที่ 30%

IMF ยังยินดีกับมาตรการของซาอุดีอาระเบียในการวางแผนการเงินระยะยาวที่สนับสนุนการดำเนินการตามแผนริเริ่ม โปรแกรม และโครงการต่าง ๆ ตามวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573 ขณะเดียวกันยังบรรเทาความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วเกินไป รายงานยังเน้นย้ำว่าการคลังของซาอุดีอาระเบียมีความแข็งแกร่ง และความเสี่ยงด้านหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำ พร้อมเสริมว่าเงินสำรองทางการเงินที่มีมากมายในซาอุดีอาระเบียได้ช่วยจำกัดผลกระทบของความท้าทายระดับโลกและระดับภูมิภาค

รายงานของ IMF เน้นย้ำว่า การปฏิรูปที่กำลังดำเนินอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างมีประสิทธิผล การปรับลดค่าธรรมเนียม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเพิ่มการมีส่วนร่วมของสตรีซาอุดีอาระเบียในตลาดแรงงาน การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงที่ดินและการเงิน และการกำกับดูแลที่ดี ล้วนมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชนและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น เพิ่มเติมจากความก้าวหน้าด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยส่งเสริมความพยายามเหล่านี้

กรรมการบริหาร IMF ยังกล่าวชื่นชมบทบาทความเป็นผู้นำของซาอุดีอาระเบียในเวทีพหุภาคี ซึ่งรวมถึงการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการเงินและการเงินระหว่างประเทศ (IMFC) ใน IMF ที่มีส่วนสนับสนุนความพยายามในการแก้ไขปัญหาระดับโลก

รายงานยังระบุถึงกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ ครอบคลุมการขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว และการเงิน หลังการบริโภคเติบโตแตะ 5.7%

IMF ระบุว่า การยื่นขอใบอนุญาตการลงทุนจากต่างประเทศยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้นราวสองเท่าจากปี 2565 คิดเป็นบริษัทกว่า 330 แห่งที่ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในซาอุดีอาระเบีย

รายงานดังกล่าวได้ทบทวนการพัฒนาภาคการธนาคารในซาอุดีอาระเบีย โดยเน้นย้ำถึงระดับความสามารถในการชำระหนี้และสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง รวมถึงความยืดหยุ่นในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด IMF ระบุว่าภาคการธนาคารของประเทศมีรากฐานที่มั่นคง และยังสังเกตเห็นประสิทธิภาพของการเป็นตัวกลางทางการเงินโดยอิงจากตัวบ่งชี้ด้านผลกำไร โครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนี้ รายงานของ IMF ยังระบุถึงการเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบีย (Tadawul) ที่ 14.2% ในปี 2566 แซงหน้าดัชนี Morgan Stanley Emerging Markets ซึ่งอยู่ที่ 7% พร้อมระบุถึงความก้าวหน้าของสภาพแวดล้อมทางเทคนิคที่เอื้อต่อการลงทุน และการออกใบอนุญาตให้กับธนาคารดิจิทัลสามแห่ง ทั้งนี้ IMF ได้เน้นย้ำถึงการมีส่วนสนับสนุนในการเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินและความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากธนาคารเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะที่มีความยืดหยุ่นและทันสมัย

IMF ยังสังเกตเห็นถึงการควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการให้สินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ของราชอาณาจักร ผ่านการสนับสนุนที่หลากหลายจากรัฐบาล ความแข็งแกร่งของธนาคาร สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่สามารถบังคับเอากับทรัพย์สินอื่น และมาตรการสนับสนุนอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงการยกระดับเมทริกซ์การประเมินระดับชาติให้เป็นอัตโนมัติสำหรับความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย และการเพิ่มความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ได้รับจากหน่วยงานรายงาน ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน

รายงานของ IMF ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการปฏิรูปที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนช่วยโดยตรงในการยกระดับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และยกย่องขั้นตอนศุลกากรที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล

IMF คาดว่าภาคส่วนที่ไม่ใช่น้ำมัน (ซึ่งรวมถึงกิจกรรมของรัฐบาล) จะเติบโตขึ้น 3.5% ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ IMF ยังระบุด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อในซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 2% ในระยะกลาง หลังได้แรงหนุนจากการผูกค่าเงินริยัลกับดอลลาร์สหรัฐ และนโยบายท้องถิ่นที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2573

IMF ยังให้การรับรองว่า ซาอุดีอาระเบียมีระดับความเข้มข้นของคาร์บอนต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมด อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินอยู่และความพยายามของซาอุดีอาระเบียในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2603 พร้อมกล่าวถึงความสำเร็จของซาอุดีอาระเบียในการบรรลุข้อตกลงซื้อขาย 30 ปีสำหรับโครงการไฮโดรเจนสีเขียวใน NEOM เพื่อบรรลุความพยายามในการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน

เพื่อดักจับคาร์บอนให้ได้ราว 44 ล้านตันต่อปีภายในปี 2578 IMF ระบุว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียตั้งใจที่จะสร้างโรงงานดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2570 และมีกำลังการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 9 ล้านตันต่อปี พร้อมกล่าวถึงความพยายามในปัจจุบันของราชอาณาจักรในการดักจับคาร์บอน 1.3 ล้านตันต่อปีผ่านโรงงาน SABIC และแผนกโรงงานก๊าซ Uthmaniyah

Source: Saudi Press Agency
Keywords: Banking/Financial Service Computer/Electronics Publishing/Information Service Survey, Polls & Research
Related News