ลอนดอน, 17 กันยายน 2567 /PRNewswire/ -- ปัจจุบันมีบุคคลจำนวน 29,350 คนทั่วโลกที่มีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสามารถลงทุนได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป จากรายงาน Centi-Millionaire Report ประจำปี 2567 ที่เผยแพร่วันนี้โดยที่ปรึกษาด้านการเคลื่อนย้ายความมั่งคั่งและการลงทุน Henley & Partners
กลุ่มมหาเศรษฐีดังกล่าวนี้ขยายตัว 54% ในระดับโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยอเมริกาและจีนมีการเฟื่องฟูของเศรษฐีระดับร้อยล้านสูงกว่าในยุโรปเป็นอย่างมาก
การเติบโตของจีนเป็นไปอย่างโดดเด่นที่สุด โดยมีการขยายตัวของกลุ่มประชากรมหาเศรษฐีร้อยล้าน 108% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มากกว่าแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลุ่มมหาเศรษฐีขยายตัว 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะเดียวกัน การเติบโตของมหาเศรษฐีร้อยล้านในยุโรปอยู่ในระดับต่ำ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 26% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
Dr. Juerg Steffen ซีอีโอของ Henley & Partners กล่าวว่าการขยายตัวที่อ่อนแอเกิดจากการเติบโตที่เชื่องช้าในตลาดสำคัญอย่างสหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส "มีบางส่วนที่มีการเจริญเติบโตอย่างคึกคัก โดยตลาดยุโรปที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างโมนาโก มอลตา มอนเตเนโกร และโปแลนด์ มีการเพิ่มขึ้นของกลุ่มประชากรมหาเศรษฐีระดับร้อยล้าน 75% หรือมากกว่า ภูมิศาสตร์ของความมั่งคั่งสุดขีดกำลังเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่กลุ่มชนชั้นนำดังกล่าวนี้เติบโตและเคลื่อนย้ายต่อไป อิทธิพลของประชากรกลุ่มนี้ต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในระดับโลกมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบลึกซึ้งและกว้างขวาง"
บทบาทนำของอเมริกาอยู่ในภาวะไม่แน่นอน
รายงานเผยว่าหนึ่งในสามของมหาเศรษฐีระดับร้อยล้านของโลกอาศัยอยู่ใน 50 เมืองหลักทั่วโลก สหรัฐอเมริกายังคงครองบทบาทนำในภูมิทัศน์เมืองระดับร้อยล้าน โดยครองอันดับ 1, 2 และ 3 ใน 50 เมืองที่มีมหาเศรษฐีร้อยล้านมากที่สุด (Top 50 Cities for Centi-Millionaires) และมีมหานครทั้งหมด 15 แห่งอยู่ในรายชื่อเมืองชั้นนำดังกล่าว
นครนิวยอร์กครองอันดับสูงสุดโดยมีประชากรมหาเศรษฐีร้อยล้านจำนวน 744 คน ตามมาอย่างใกล้เคียงโดยเบย์แอเรียซึ่งมี 675 คน และลอสแอนเจลิสซึ่งมี 496 คน
อย่างไรก็ตาม คุณ David Young จากคลังสมองในสหรัฐอเมริกา The Conference Board ชี้ว่า "กระแสแนวโน้มการเติบโตและการเคลื่อนย้ายของมหาเศรษฐีร้อยล้านที่เป็นอยู่จะขึ้นอยู่อย่างมากกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเราคาดว่าจะมีความแตกต่างอย่างยิ่งยวดในนโยบายการคลัง การเงิน เศรษฐกิจ และสังคม ผลลัพธ์อาจจะทำให้การย้ายจากอเมริกาเหนือเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด ขณะที่มหาเศรษฐีร้อยล้านหันไปสู่ประเทศที่มอบความมั่นคงปลอดภัยทางเศรษฐกิจและการเมืองได้มากกว่า"
Dr. Steffen กล่าวเสริมว่าชาวอเมริกันที่มั่งคั่งได้กลายเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ โดยในปีนี้มีการเพิ่มขึ้นห้าเท่าของการสอบถามเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายการลงทุน "เราเห็นความขัดกันอย่างน่าทึ่ง ในแง่หนึ่ง สหรัฐอเมริกายังคงเป็นแหล่งความมั่งคั่งอันดับหนึ่งของโลก โดยมีสัดส่วนความมั่งคั่งที่มีสภาพคล่องสามารถลงทุนได้มากกว่า 30% ในระดับโลก เป็นมูลค่ามหาศาลถึง 67 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่หนึ่ง เราก็เห็นการเพิ่มพรวดอย่างไม่เคยมีมาก่อนของชาวอเมริกันที่มองหาถิ่นฐานที่อยู่อาศัยทางเลือกและตัวเลือกการถือสัญชาติ"
ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) เพิ่งแสดงการสนับสนุนการขึ้นภาษีที่เสนอโดยประธานาธิบดีไบเดนในงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2568 ของเขา รวมถึงแนวคิดใหม่ที่จะกำหนดให้ผู้จ่ายภาษีที่มีความมั่งคั่งสุทธิเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐจ่ายภาษีขั้นต่ำสำหรับกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ดังที่ผู้อำนวยการฝ่ายบริการทางภาษีของ Henley & Partners คุณ Peter Ferrigno ได้กล่าวเตือน "ข้อเสนอใดก็ตามที่เบี่ยงเบนมากเกินไปจากหลักการภาษีที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลในการเก็บภาษีเฉพาะจากรายได้ที่เกิดขึ้นจริง จะทำให้คนระแวดระวังในการมองว่าสหรัฐอเมริกาเป็นที่ที่ควรลงทุน การเก็บภาษีจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นดูดีในช่วงที่มีการเพิ่มขึ้น แต่การจัดการกับการคืนภาษีให้แก่มหาเศรษฐีในปีถัดมาเมื่อกำไรที่ไม่เกิดขึ้นเหล่านั้นพลิกกลับดูไม่ดีเสียเลย หากจัดการอย่างไม่เหมาะสม แนวทางนี้อาจดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือสำหรับมหาเศรษฐีเมื่อราคาหุ้นดิ่งลง"
อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเอเชียขณะที่ยุโรปถดถอย
ขณะนี้มีสี่เมืองและเขตแดนในเอเชียอยู่ในกลุ่ม 10 ที่ยอดนิยมสำหรับมหาเศรษฐีร้อยล้าน ปักกิ่งอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกโดยมีมหาเศรษฐีร้อยล้าน 347 คน ขณะที่สิงคโปร์ตามมาอย่างใกล้เคียงที่อันดับ 6 โดยมีจำนวน 336 คน เซี่ยงไฮ้อยู่ในอันดับ 7 โดยมีมหาเศรษฐีร้อยล้าน 332 คน และฮ่องกงอยู่ในอันดับ 8 โดยมีประชากรมหาเศรษฐีระดับนี้ 320 คน
มีการพยากรณ์ว่าทั้งสิงคโปร์และฮ่องกงจะมีอัตราการเติบโตของมหาเศรษฐีระดับร้อยล้านสูงมากถึงเกินกว่า 100% ในช่วงทศวรรษครึ่งต่อจากนี้ (ถึงปี 2583)
อย่างไรก็ตาม ลอนดอน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการเงินของโลก ขณะนี้อยู่เพียงอันดับ 4 ใน 50 เมืองที่มีมหาเศรษฐีร้อยล้านมากที่สุด โดยมีผู้อาศัยที่เป็นมหาเศรษฐีจำนวน 370 คน และมีการพยากรณ์การเพิ่มขึ้นของมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ซบเซาเพียงไม่ถึง 50% ในช่วง 16 ปีข้างหน้า (ถึงปี 2583) และสุดท้าย ปารีสอยู่ในอันดับ 10 ในดัชนีเมืองความมั่งคั่งระดับร้อยล้านล่าสุด โดยมีผู้อาศัยที่เป็นมหาเศรษฐีจำนวน 286 คน
เมืองยอดนิยมระดับร้อยล้านที่น่าจับตา
ในการมุ่งสู่ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583) เมืองในเอเชียและตะวันออกกลางหลายแห่งพร้อมสำหรับการเติบโตพุ่งพรวด โดยหางโจว เซินเจิน ไทเป ดูไบ และอาบูดาบีคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 150% ในชุมชนมหาเศรษฐีร้อยล้านของเมือง
ตลาดเกิดใหม่พร้อมที่จะสร้างอิทธิพลเช่นกัน ทั้งริยาดในซาอุดีอาระเบียและบังคาลอร์ในอินเดียมีการพยากรณ์ว่าจะมีการเติบโตของประชากรมหาเศรษฐีร้อยล้านมากกว่า 150% ในช่วง 16 ปีข้างหน้า