ฉางซา, จีน, 14 ตุลาคม 2567 /PRNewswire/ -- Forbes China ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับ 2024 China ESG 50 และกรณีศึกษาด้าน ESG ที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยในโอกาสนี้ โรงงาน "Lighthouse Factory" ของ SANY Group ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ได้รับการยกย่องจากแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ที่โดดเด่น ซึ่งถือเป็นการยกย่องบทบาทความเป็นผู้นำของ SANY ในการผสานการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลเข้ากับการผลิตแบบปล่อยคาร์บอนต่ำในระดับโลก โดยถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SANY Group และตอกย้ำชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในภาคการผลิตบนเวทีระดับนานาชาติ
การได้รับการยกย่องในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสำเร็จของการบูรณาการกลยุทธ์องค์กรเข้ากับหลักการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง การที่ SANY ติดอันดับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริษัทยึดมั่นใน ESG ในฐานะกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ และยังเน้นย้ำถึงแนวทางเชิงรุกของบริษัทในการเป็นหัวหอกของการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
นวัตกรรมที่ยั่งยืนได้รับการยอมรับในระดับโลก
ผลวิจัยของ Forbes China แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการหลักการด้าน ESG เข้ากับการดำเนินงาน กลยุทธ์ และโมเดลธุรกิจหลัก ซึ่งจากกรณีศึกษาที่ส่งเข้ามาเกือบ 500 กรณี มีเพียง 10 กรณีเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้เป็นกรณีศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจ โดย Forbes เน้นย้ำว่า ปัจจุบัน องค์กรที่ประสบความสำเร็จต่างมองว่า ESG ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ แต่เป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ ซึ่ง SANY Group ก็มีความโดดเด่นในส่วนนี้ ด้วยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรวมเอา ESG เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินงาน แทนที่จะเป็นเพียงปัจจัยที่ทำให้เกิดต้นทุนเท่านั้น
SANY Lighthouse Factory สร้างมาตรฐานการผลิตระดับโลก
ในปี 2566 SANY Group ได้เปิด Lighthouse Factory ในต่างประเทศแห่งแรกที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีระบบเชื่อมต่อเครือข่ายเต็มรูปแบบและความสามารถในการผลิตอัตโนมัติ โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนของอุตสาหกรรมเครื่องจักรวิศวกรรมจีนที่กำหนดมาตรฐานสากลสำหรับการผลิตอัจฉริยะ โดยมีสถาปัตยกรรมระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุม อาทิ ระบบปฏิบัติการด้านการผลิต และระบบขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ เป็นต้น
ตั้งแต่การผลิตอัจฉริยะไปจนถึงโรงงานอัจฉริยะ บรรดาองค์กรการผลิตสมัยใหม่ต่างนำหลักการด้าน ESG มาใช้ตลอดกระบวนการเปลี่ยนผ่านขององค์กร และ Lighthouse Factory ที่ก่อตั้งโดย SANY ในอินโดนีเซียก็ได้ทำหน้าที่เป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและควบคุมต้นทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการใช้ทรัพยากร ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยของเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในยุคของเศรษฐกิจดิจิทัลเช่นปัจจุบัน SANY ได้มุ่งมั่นผลักดันการปฏิรูปเชิงดิจิทัลอย่างแข็งขัน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย ณ เดือนตุลาคม 2567 SANY Heavy Industry ได้เสร็จสิ้นการสร้างโรงงานดิจิทัล 33 แห่งที่ดำเนินงานเต็มรูปแบบ ขณะที่แพลตฟอร์ม IoT อินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรมของบริษัทรองรับการเชื่อมต่อออนไลน์แบบเรียลไทม์สำหรับอุปกรณ์ 18,000 เครื่องและกล้อง 51,000 ตัว โดยผสานการรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ผ่านการสร้างแบบจำลอง เพื่อให้ได้ฝาแฝดดิจิทัลที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพพร้อมกับลดต้นทุน นอกจากนี้ จากความพยายามอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2566 เพียงปีเดียว โครงการประหยัดพลังงานหลายโครงการได้ช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงานได้มากกว่า 100 ล้านหยวน
"การที่เราเน้นบูรณาการเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเข้าด้วยกันนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เราเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนอีกด้วย" Xiang Wenbo ประธานของ SANY Group กล่าว "การได้รับการยอมรับจาก Forbes ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำงานหนักและความมุ่งมั่นของพนักงานของเราที่มีต่อการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ"