โซล, เกาหลีใต้--29 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Segway ผู้บุกเบิกและผู้นำระดับโลกด้านยานพาหนะส่วนบุคคลชนิดทรงตัว (self-balancing Personal Transporter) ประสบความสำเร็จในการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเอเชียแปซิฟิก ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยคุณจ้าว จงเว่ย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Segway และคุณหวง เฉิน ซีอีโอของ Segway's Asia Pacific Region Business Center ได้ร่วมกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่สายตาผู้บริโภค โดยมีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศต่างๆในเอเชียแปซิฟิกและสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 รายการ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้นจากแขกผู้มีเกียรติมากมาย
Segway เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิกภายใต้ธีม "Driving the Future" โดยมุ่งผลักดันยานพาหนะส่วนบุคคลสำหรับเดินทางระยะสั้นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราในอนาคต รวมถึงทำให้อนาคตของเรามีความสะดวกสบาย ทันสมัย และไฮเทคมากขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 รายการที่เปิดตัวไปนั้นประกอบด้วย Segway miniPLUS, Segway miniLITE, Ninebot Kids Bike และ Ninebot by Segway KickScooter
Segway miniPLUS มาพร้อมฟังก์ชั่นหลายอย่างที่เป็น "สุดยอดของความไฮเทค" เช่น ระบบติดตามอัจฉริยะ ระบบเรียกด้วยปุ่มเดียว กล้อง PTZ เป็นต้น ส่วน Ninebot by Segway KickScooter มาพร้อมประสิทธิภาพคุ้มเกินราคา ทั้งยังมีรูปทรงสวยงาม ปลอดภัย และใช้งานง่าย ด้าน Segway miniLITE เป็นยานพาหนะชนิดทรงตัวที่มีน้ำหนักเบา ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ขณะที่ Ninebot Kids Bike เป็นจักรยานที่ขี่ง่าย สนุก และปลอดภัย ออกแบบมาเพื่อเด็กๆโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้จะวางจำหน่ายในหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย และไต้หวัน โดย Segway miniPLUS, Ninebot by Segway KickScooter และ Segway miniLITE จะวางจำหน่ายในเดือนกันยายน ส่วน Ninebot Kids Bike จะวางจำหน่ายในภายหลัง
นอกจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แล้ว แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานยังได้ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้ด้วย ทำให้ได้สัมผัสกับสุดยอดของความไฮเทคและความรู้สึกในการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร
งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ Segway ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่สายตาผู้บริโภคในวงกว้าง และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่บริษัทได้เปิดตัวนวัตกรรมการเดินทางระยะสั้นในภูมิภาคนี้ ซึ่งถือเป็นการผลักดันเทรนด์ใหม่ตามธีม "Driving the Future" และจะสร้างกระแสความคลั่งไคล้ในเทคโนโลยีการเดินทางสุดชิคระลอกใหม่ในเอเชียแปซิฟิกอย่างแน่นอน