เซี่ยงไฮ้--6 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
หัวเว่ย จัดงาน HUAWEI CONNECT 2017 ณ นครเซี่ยงไฮ้ โดยได้ร่วมกับพันธมิตรที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 และลูกค้า จัดแสดงโซลูชั่น ICT ที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นเพื่อเร่งการขับเคลื่อนสู่ดิจิทัล พร้อมทั้งเผยกลยุทธ์ "Platform + Connection + Ecosystem" ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ในระดับองค์กร
องค์กรธุรกิจในปัจจุบันต่างให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัลกันมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และบริษัทระดับโลกหลายแห่งจากหลายอุตสาหกรรมที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 ก็กำลังเดินทางมาถึงจุดพลิกผันของการเปลี่ยนแปลงนี้ ความท้าทายที่บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญคือการพัฒนาโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เพิ่มความเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วม ซึ่งสิ่งจำเป็นที่จะช่วยขจัดอุปสรรคดังกล่าวก็คือแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชือมโยงข้อมูลและอุปกรณ์เข้าด้วยกัน อันจะนำมาซึ่งการมีส่วนร่วมกับพันธมิตร และนำไปสู่การพัฒนาแอปพลิเคชั่นหรือการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ที่สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรม
"หัวเว่ยกำลังทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่แปลกใหม่ แตกต่าง และเป็นผู้นำ พร้อมสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และคล่องตัว เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล" ไดอาน่า หยวน ประธานฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชั่น กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัทหัวเว่ย กล่าว "ขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นบริษัทนวัตกรรม หัวเว่ยจึงกำลังเร่งขับเคลื่อนองค์กรของเราสู่ดิจิทัลเช่นกัน โดยดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ และจะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดร่วมกับอุตสาหกรรม ขีดความสามารถของกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ลูกค้ามีความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจด้วยการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัล โดยขณะนี้มีบริษัท 197 แห่งในฟอร์จูน 500 และ 45 แห่งในระดับท็อป 100 เลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของกลยุทธ์และโซลูชั่นของเราได้เป็นอย่างดี"
ในอนาคต บริษัทดิจิทัลทั้งหลายจะต้องพึ่งพาการสร้างข้อมูล การส่งข้อมูล และการประมวลผลข้อมูล ซึ่งหัวเว่ยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ครอบคลุมเพื่อช่วยให้เกิดการพัฒนาดังกล่าวในองค์กรธุรกิจทั่วทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการวางเครือข่าย การคำนวณ การจัดเก็บ โครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล บิ๊กดาต้า ไฮบริดคลาวด์ และแพลตฟอร์ม IoT นอกจากนี้ หัวเว่ยยังร่วมกับพันธมิตรในการจัดหาระบบและเทคโนโลยี ICT ใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอแอปพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น วิดีโอคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรมความปลอดภัยสาธารณะ บิ๊กดาต้าสำหรับอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน และแพลตฟอร์ม IoT สำหรับบริษัทพลังงานไฟฟ้า
สำหรับปีนี้ หัวเว่ยได้ออกผลิตภัณฑ์ชั้นนำของอุตสาหกรรมหลายรายการ อาทิ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออล-แฟลชสุดล้ำอย่าง OceanStor Dorado V3 และ FusionServer V5 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดในตระกูล FusionServer
IDC รายงานว่า ดาต้าเซ็นเตอร์สวิตช์ของหัวเว่ยครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในจีนในปี 2559 ขณะที่รายงานฉบับล่าสุดจาก Gartner ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 หัวเว่ยมียอดขาย ตัวเลขการจัดส่งและความสามารถในการส่งสินค้าเป็นดันดับหนึ่งในตลาดเซิร์ฟเวอร์ของจีน Gartner ยังได้เน้นด้วยว่า โซลูชั่นในตลาดแนวราบของหัวเว่ยซึ่งรวมถึง ศูนย์รวมข้อมูล เครือข่ายภายในองค์กร และแพลตฟอร์ม IoT มีการเชื่อมต่อหลายเครือข่ายและครอบคลุมในทุกสถานการณ์ อีกทั้งยังมีความเสถียรและปลอดภัย
โดยภายในงาน HUAWEI CONNECT 2017 ที่เซี่ยงไฮ้ หัวเว่ยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นหลายรายการ ทั้งโซลูชั่นคลาวด์แบบไฮบริด FusionBridge และโซลูชั่นคลาวด์สาธารณะ FusionCloud Stack ตลอดจน Atlas ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ระบบคลาวด์อัจฉริยะรุ่นใหม่, Intelligent Connections ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบใหม่ และโซลูชั่น SD-WAN รุ่นใหม่
นอกจากนี้ หัวเว่ยจะให้ภาพรวมที่สมบูรณ์ของโซลูชั่น IoT ระดับองค์กร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเร่งการเชื่อมต่อ โซลูชั่นในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย แพลตฟอร์ม OceanConnect IoT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการให้บริการ IoT แบบครบวงจร, โซลูชั่นเพื่อการเข้าถึงเครือข่ายองค์กรอย่างครอบคลุมทั้งบรอดแบนด์และแนร์โรว์แบนด์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ทั้งแบบที่ต้องขอใบอนุญาตและไม่ต้องขออนุญาต, โซลูชั่น Edge-Computing-IoT (EC-IoT) ที่มาพร้อมกับการผนวกรวมอุปกรณ์คลาวด์ และความปลอดภัยรอบด้านที่สามารถใช้ได้กับชิปเซ็ตและแพลตฟอร์มหลากหลายประเภท
หัวเว่ยช่วยให้ลูกค้าพัฒนาและติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้กลยุทธ์ "Platform + Connection + Ecosystem" กล่าวคือแพลตฟอร์มที่ติดตั้งได้อย่างยืดหยุ่น, ระบบนิเวศที่เปิดกว้างและได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย และ การเชื่อมต่อเฉพาะส่วนอย่างเต็มรูปแบบและพร้อมทุกสถานการณ์ โซลูชั่น IoT ระดับองค์กรของหัวเว่ยได้ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงเมืองอัจฉริยะ, IoT สำหรับลิฟต์, อาคารอัจฉริยะ และเศรษฐกิจแบ่งปัน
หัวเว่ยได้กลายเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรม ICT เพื่อช่วยให้บริษัททั่วโลกพร้อมปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ ซึ่งตัวอย่างความสำเร็จล่าสุด ได้แก่:
หัวเว่ย จับมือเป็นพันมิตรกับ ท่าอากาศยานดูไบ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลย่อยแบบสำเร็จรูปพร้อมด้วยใบรับรองระดับ Tier III จากสถาบัน Uptime Institute ทั้งในด้านของการออกแบบและการก่อสร้าง ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะดำเนินการให้บริการเกือบทุกแง่มุมของสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเที่ยวบิน การดำเนินงานในสนามบิน บริการขนส่งผู้โดยสารและสัมภาระ ระบบกล้องวงจรปิด และอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยโซลูชั่น ICT ที่มีความคล่องตัว ติดตั้งสะดวก รวดเร็ว เชื่อถือได้ ประหยัดพลังงาน และบำรุงรักษาง่าย โดยหัวเว่ยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้การดำเนินธุรกิจในสนามบินดูไปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ร็อบ นิวแมน หัวหน้าฝ่ายบริหารโครงการด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของท่าอากาศยานดูไบ กล่าวว่า "การนำเอาเทคโนโลยี ICT ชั้นนำมาใช้ประโยชน์นั้น นับเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ เร่งสร้างนวัตกรรม และเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าภายในท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เราจะมุ่งมั่นยกระดับความน่าเชื่อถือของระบบภายในท่าอากาศยาน ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการดำเนินงานต่อไป"
ปัจจุบัน อาคารต่าง ๆ มีความชาญฉลาดมากขึ้น อันเนื่องมาจากความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างระบบอาคารอัจฉริยะและระบบสารสนเทศผ่านการใช้ IoT, คลาวด์คอมพิวติ้ง และบิ๊กดาต้า โดยหัวเว่ยและฮันนี่เวลล์กำลังร่วมมือกันพัฒนาโซลูชั่นสมาร์ทแคมปัสสำหรับสถาบันการศึกษา บริษัท อาคารพาณิชย์ ร้านค้าออนไลน์ โรงงานอุตสาหกรรม และอีกมากมาย
สตีเฟน หู ผู้อำนวยการการตลาดโซลูชั่นอาคารอัจฉริยะของ ฮันนี่เวลล์ โฮม แอนด์ บิลดิ้ง เทคโนโลยีส์ เกรทเทอร์ ไชน่า กล่าวว่า "เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยและฮันนี่เวลล์ได้ประกาศว่าจะร่วมกันเปิดตัวโซลูชั่นอาคารอัจริยะทั่วโลก และนับตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้ทำงานร่วมกันในโครงการเมืองอัจฉริยะ เพื่อช่วยผู้บริหารเมืองสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนลดต้นทุนในการบริหารจัดการเมืิอง และมอบสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการอยู่อาศัยให้กับประชาชน"
บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมทั่วโลกที่เลือกให้หัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการพลิกโฉมสู่ดิจิทัลนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมของหัวเว่ยได้เข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้กับผู้ผลิตกว่า 1,000 ราย ขณะที่โซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมการเงินของหัวเว่ย ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมแบบเปิด ก็ช่วยเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจในสถาบันการเงินกว่า 300 แห่ง ด้านโซลูชั่นโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะของหัวเว่ยนั้นได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งและกระจายกำลังไฟฟ้าให้กับบริษัทไฟฟ้า 170 แห่ง นอกจากนี้ โซลูชั่น IoT ของหัวเว่ยยังช่วยประหยัดต้นทุนการดำเนินการให้กับบริษัทขนส่งสินค้าอีกกว่า 100 แห่ง
ในโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และสร้างระบบนิเวศที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับพันธมิตร เพื่อช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการผลิกโฉมธุรกิจสู่การเป็นดิจิทัล
ทั้งนี้ HUAWEI CONNECT ถือเป็นงานสำคัญสำหรับอุตสาหกรรม ICT ทั่วโลก จัดขึ้น ณ Shanghai New International Expo Centre (SNIEC) ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายนนี้ ภายใต้หัวข้อ "Grow with the Cloud" พร้อมทำหน้าที่เป็นเวทีที่เปิดกว้างสำหรับการทำงานร่วมกันทั่วโลก โดยหัวเว่ยจะร่วมมือกับทั้งลูกค้าและพันธมิตรในการสำรวจโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ผ่านการผลิกโฉมธุรกิจสู่ดิจิทัล รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.huawei.com/en/events/huaweiconnect2017/