เซินเจิ้น, จีน--27 ต.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- เดินหน้าจับมือเป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรม 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในยุโรป
ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการรายใหญ่ของโลกในด้านโซลูชั่นโทรคมนาคม เทคโนโลยีระดับองค์กร และเทคโนโลยีผู้บริโภคสำหรับแวดวงอินเทอร์เน็ตมือถือ เปิดเผยผลกำไรสุทธิทะยานขึ้น 36.58% แตะที่ 3.905 พันล้านหยวนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี
รายงานผลประกอบการของ ZTE ระบุว่า รายได้งวด 9 เดือนแรกปรับตัวขึ้น 7.01% แตะที่ 7.6580 หมื่นล้านหยวน ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นแตะ 1.036 พันล้านหยวนในไตรมาส 3/2560
รายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของ ZTE เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.197 พันล้านหยวนในช่วง 9 เดือนแรก หรือคิดเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้ ทั้งนี้ ZTE ได้เพิ่มการลงทุนในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยี 5G, IoT และชิป ซึ่งส่งให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคนิคสุดล้ำมากมาย อาทิ ชิป NB-IoT ที่ ZTE เป็นผู้พัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง, แพลตฟอร์มแฟลกชิป T-grade 5G ตัวแรกของอุตสาหกรรม, แพลตฟอร์มชนิดข้ามแพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้เทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบออพติคอลตัวแรกของอุตสาหกรรม รวมถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนฝาพับรุ่น Axon M ในสหรัฐและญี่ปุ่น นอกจากนี้ ZTE ยังผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการต้นแบบ SPN ในด้านผู้ให้บริการ 5G ของ China Mobile และได้เปิดตัวแพลตฟอร์มคลาวด์ Carrier DevOps Builder สำหรับให้บริการเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกซึ่งได้รับรางวัล "ออสการ์" จากการประชุม SDN NFV Global Conference อีกด้วย
ด้วยแรงหนุนจากการเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี 5G และการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการสัญชาติยุโรปยักษ์ใหญ่ ZTE จึงได้ประกาศการเป็นพันธมิตรด้านนวัตกรรมกับบริษัท Orange อีกทั้งยังได้จับมือกับ Wind Tre และ Open Fiber ในการวางเครือข่าย 5G ย่านความถี่ 3.6-3.8 GHz ก่อนเป็นเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ (pre-commercial) ครั้งแรกของยุโรป ขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้ผนึกกำลังกับ Telenet Belgium สำหรับการเปิดตัวแอปพลิเคชัน FDD Massive MIMO ในยุโรป และประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณที่ระดับความเร็วสูงสุด 1 Gbps ในการทดสอบ Pre5G Massive MIMO Test กับ SoftBank
ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดการณ์ว่า ผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนจะพุ่งขึ้นแตะที่ 4.3-4.8 พันล้านหยวนในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นทั้งเครือข่ายของผู้ให้บริการ และธุรกิจผู้บริโภค
ส่วนธุรกิจ Wireless Networks นั้น ZTE ได้ขยายเครือข่าย Pre5G กว่า 60 แห่งในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงเครือข่าย SDN/NFV เพื่อการพาณิชย์และการทดลองใช้ฟรีอีกกว่า 280 เครือข่าย นอกจากนี้ ZTE ยังได้เดินหน้าบุกตลาดยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี 5G ขณะเดียวกัน ทางบริษัทได้จับมือกับผู้ให้บริการสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Orange, บริษัท Telenet จากเบลเยียม, บริษัท Wind Tre และ Open Fiber จากอิตาลี ร่วมด้วยผู้ให้บริการสัญชาติยุโรปอีกหลายแห่ง และบริษัท Softbank ของญี่ปุ่น ในการวางเครือข่าย 5G ในระดับโลก
ในช่วงเฟส 2 ของการทดสอบเทคโนโลยี 5G ของจีน ZTE ได้ทำลายสถิติโลกในหลายด้าน ทั้งในแง่ของอัตราส่งข้อมูล การเชื่อมต่อในวงกว้าง และอัตราความหน่วงต่ำ นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกับ China Mobile และ Qualcomm ทางบริษัทยังได้เปิดให้บริการทดลองเทคโนโลยี 5G ความถี่ต่ำ IoDT ตามมาตรฐาน 3GPP R15 ตัวล่าสุดอีกด้วย
ในด้านธุรกิจ Wireline Networks นั้น ZTE ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มแฟลกชิป T-grade 5G ซึ่งส่งผลให้เทคโนโลยี FlexE Tunnel ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ZTE ยังเป็นรายแรกที่บรรลุการทดสอบการนำส่งสัญญาณระยะเวลาแฝงต่ำบนเครือข่ายนำส่งข้อมูลออพติค (OTN) 5G และผ่านการทดสอบห้องปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์ต้นแบบ SPN แบบ CMCC 5G ขณะเดียวกัน ในแวดวงการนำส่งสัญญาณออพติค ZTE ได้เปิดตัว "Next Generation 256T Ultra-large Cross Platform" ที่ใช้เทคโนโลยีการนำส่งข้อมูลออพติค เป็นแพลตฟอร์มแรกในอุตสาหกรรม
ในด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ อาทิ IoT, ชิป คลาวด์คอมพิวติ้ง และบิ๊กดาต้า ZTE ได้พัฒนา IoT OS&SDK รุ่นใหม่ เพื่อลดความยุ่งยากในการพัฒนาและทดสอบแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้ผลิตขั้นปลาย
ระบบปฏิบัติงานเรียลไทม์แบบฝังตัวของ ZTE ถูกนำไปใช้ใน "ฟู่ซิง" รถไฟหัวกระสุนความเร็วสูง 350 กม./ชม. นอกจากนี้ ZTE ได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์สถานีปลายทางที่จอดอัจฉริยะเพื่อการพาณิชย์แบบ all-band ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกการใช้ระบบที่จอดอัจฉริยะเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี NB-IoT
ZTE เป็นผู้ให้บริการอันดับหนึ่งที่บรรลุการทดสอบทุกขอบเขตของผู้ให้บริการ 3 รายในจีน โดยสนับสนุน China Telecom สร้างเครือข่ายเพื่อการพาณิชย์เครือข่ายแรกของโลกที่มีความครอบคลุมกว้างที่สุด และครองอันดับหนึ่งในโครงการจัดซื้อ 31 มณฑลของ China Mobile ในไตรมาสที่ 3 ขณะเดียวกัน โซลูชั่นบิ๊กวิดีโอ PVP ของ ZTE ได้ถูกนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ในอินเดีย แอฟริกาใต้ และแคนาดา
ในส่วนของธุรกิจ Consumer นั้น ZTE ได้มุ่งเน้นตลาดหลักและการพัฒนาแบรนด์ในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัว Axon M สมาร์ทโฟนพับได้สุดล้ำสมัยร่วมกับ AT&T ในสหรัฐ และร่วมกับ NTT docomo ในญี่ปุ่น ทั้งนี้ ZTE ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในส่วนแบ่งตลาดสหรัฐ และรักษาตำแหน่งผู้ให้บริการสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก โดยยอดส่งออกในไตรมาส 3 นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 2 โดยเฉพาะในรัสเซีย เม็กซิโก สเปน และอิตาลี พร้อมกันนี้ ZTE ได้มุ่งเน้นความร่วมมือกับผู้ให้บริการและตลาดอุปกรณ์มือถือในจีน และยอดจัดส่งกล่องแปลงสัญญาณ (STB) ของ ZTE ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง ญี่ปุ่น รัสเซีย ไทย มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์ ขณะเดียวกัน ZTE ชนะการประมูลซื้อ STB มูลค่า 18 ล้านจาก China Telecom ซึ่งเป็นการเสริมแกร่งธุรกิจของบริษัทในแวดวง STB
สำหรับการดำเนินธุรกิจ Enterprise Business ในประเทศนั้น ZTE ได้มุ่งเน้นด้านการคมนาคมและการเงิน โดยในภาคการคมนาคม ZTE ชนะการประมูลการติดตั้งระบบรถไฟหลายครั้งติดต่อกัน รวมถึงโครงการเชื่อมต่อรถไฟใต้ดินเจิ้งโจว 3 สาย, โครงการระบบรถไฟไร้สายหยินชวน-อู๋จง และโครงการรถไฟใต้ดินเสิ่นหยางสายที่ 9 สำหรับภาคการเงินนั้น บริษัทได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ Agricultural Bank of China ในด้านแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้า
ZTE ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเครือข่าย 5G จะเสริมสร้างการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมุ่งเน้นตลาดผู้ให้บริการและธุรกิจหลักในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยบริษัทจะเดินหน้าสร้างศักยภาพด้านการแข่งขันในธุรกิจหลัก พร้อมพัฒนาส่วนแบ่งตลาดของตลาดและผลิตภัณฑ์กระแสหลัก และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ขณะเดียวกัน บริษัทจะส่งเสริมการจัดการด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด การควบคุมภายใน ตลอดจนสวัสดิการของพนักงานและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อรักษาและพัฒนาความเป็นผู้นำในยุค 5G ต่อไป
เกี่ยวกับ ZTE
ZTE เป็นผู้ให้บริการระบบโทรคมนาคมขั้นสูง อุปกรณ์เคลื่อนที่ และโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับองค์กร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ให้บริการเครือข่าย ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ZTE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมแบบบูรณาการครบวงจรให้แก่ลูกค้าตามนโยบายของบริษัท เพื่อมอบคุณค่าและความเป็นเลิศในยุคที่เทคโนโลยีโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ZTE จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น (รหัสหุ้นในตลาดฮ่องกง: 0763.HK / รหัสหุ้นในตลาดเซินเจิ้น: 000063.SZ) บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 500 ราย ในกว่า 160 ประเทศ ในแต่ละปี ZTE จัดสรรเงินรายได้ 10% ให้กับการวิจัยและพัฒนา ทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำในองค์กรกำหนดมาตรฐานระดับโลก ทั้งนี้ ZTE ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zte.com.cn
สื่อมวลชนติดต่อ:
Margrete Ma
ZTE Corporation
โทร. +86 755 26775207
อีเมล: ma.gaili@zte.com.cn