ลอนดอน--4 ธันวาคม--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ไฟแนนเชียล ไทม์ส (FT) เผยแพร่ผลการจัดอันดับโรงเรียนธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 และผลการจัดอันดับครั้งล่าสุดเพิ่งเปิดเผยไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยผลปรากฏว่า วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการบริหารอันไท่ (ACEM) แห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง สามารถครองอันดับ 1 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ตามมาด้วยสถาบันบริหารธุรกิจนานาชาติจีน-ยุโรป (CEIBS) และสถาบันธุรกิจของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์
การจัดอันดับโรงเรียนธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกมีการพิจารณาคุณภาพและความครอบคลุมของหลักสูตรต่างๆ รวมถึงผลสัมฤทธิ์ของ 4 หลักสูตรหลัก (MBA, EMBA, MIM, EE Open & Custom) ทั้งในส่วนของหลักสูตรวิชาการและวิชาชีพในปี 2561 แต่ละหลักสูตรหลักมีสัดส่วนคะแนนอยู่ที่ 25% โดยหลักสูตรแบบเดี่ยวจะมีสัดส่วนคะแนน 100% ส่วนหลักสูตรแบบโครงการร่วมระหว่างสองสถาบันจะมีสัดส่วนคะแนน 50% สำหรับแต่ละสถาบัน วิธีการจัดอันดับนี้ชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของโรงเรียนธุรกิจแต่ละแห่งได้อย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถประเมินศักยภาพการให้ความรู้เชิงวิชาการและเชิงวิชาชีพของสถาบันต่างๆ ในระดับนานาชาติด้วย
ACEM เป็นโรงเรียนธุรกิจเพียงแห่งเดียวจากเอเชียแปซิฟิกที่ติดโผในการจัดอันดับแบบเดี่ยว โดยในปี 2561 หลักสูตรหลักทั้ง 4 ของ ACEM ยังคงติด 40 อันดับแรกของโลก และ 10 อันดับแรกในเอเชียแปซิฟิก
- การจัดอันดับหลักสูตร MBA ประกาศผลเมื่อเดือนมกราคม 2561:
หลักสูตร MBA ของ ACEM คว้าอันดับที่ 34 ของโลก และอันดับที่ 8 ในเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังคว้าอันดับ 1 ของโลกในด้าน "อัตราการจ้างงาน" และ "การขึ้นเงินเดือน"
- การจัดอันดับหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้บริหาร (EE) ประกาศผลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561:
หลักสูตร EE ของ ACEM คว้าอันดับที่ 17 ของโลก ขณะที่โครงการพิเศษคว้าอันดับ 2 และโครงการเปิดคว้าอันดับ 1 ของเอเชียแปซิฟิก
- การจัดอันดับหลักสูตรปริญญาโทด้านการบริหาร (MIM) ประกาศผลเมื่อเดือนกันยายน 2561:
หลักสูตร MIM ของ ACEM คว้าอันดับที่ 18 ของโลก และครองอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก และติด 50 อันดับแรกของโลกเป็นเวลาสิบปีติดต่อกัน ทั้งยังครองอันดับ 1 ของโลกในด้าน "อัตราการจ้างงาน" และ "การขึ้นเงินเดือน"
- การจัดอันดับหลักสูตร EMBA ประกาศผลเมื่อเดือนตุลาคม 2561:
หลักสูตร EMBA ของ ACEM คว้าอันดับที่ 8 ของโลก และอันดับ 4 ในเอเชียแปซิฟิก และติด 10 อันดับแรกของโลกเป็นเวลาสี่ปีติดต่อกัน ทั้งยังครองอันดับ 1 ของโลกในด้าน "การขึ้นเงินเดือน"