ลอสแอนเจลิส—3 ธ.ค.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Sean Hepburn Ferrer บุตรชายคนโตของ Audrey Hepburn ได้รับชัยชนะในการฟ้องร้องคดี ซึ่งเขาถูกยื่นฟ้องโดยองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1993 เพื่อสานต่อวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลของผู้เป็นมารดา คดีความดังกล่าวมีการพิจารณาเป็นเวลาถึง 4 สัปดาห์ที่ศาลสูงลอสแอนเจลิส โดยผู้พิพากษา David Sotelo ได้ตัดสินว่า ข้อเรียกร้องขององค์กรการกุศลดังกล่าวที่อ้างว่าตนมีสิทธิอย่างอิสระในการใช้ชื่อและภาพเหมือนของ Audrey Hepburn รวมถึงสิทธิในการทำสัญญากับบุคคลที่สามโดยไม่ต้องขอความยินยอมจากคุณ Ferrer นั้น เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มีเหตุสมควร
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 องค์กรการกุศล Hollywood for Children (HFC) ที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีคณะกรรมการทั้งสิ้น 3 รายด้วยกัน ได้แก่ Luca Dotti ผู้เป็นน้องชายต่างบิดาของคุณ Ferrer, Paul Alberghetti อดีตทนายความของคุณ Ferrer และอดีตผู้ช่วยรายหนึ่ง ได้ตัดสินใจฟ้องคุณ Ferrer และประสงค์ที่จะพิสูจน์ว่า ทางองค์กรมีสิทธิในการใช้ชื่อและภาพเหมือนของ Audrey Hepburn โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากคุณ Ferrer แม้คุณ Ferrer (และน้องชาย) เป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เป็นมารดาแต่เพียงผู้เดียว HFC ยังได้เรียกร้องค่าเสียหายจากคุณ Ferrer เป็นเงินกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอ้างว่าเขาได้แทรกแซงข้อตกลงที่ทาง HFC ได้ทำไว้กับบุคคลที่สาม จนเป็นเหตุให้พวกเขาใช้ชื่อและภาพเหมือนของ Audrey Hepburn โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากคุณ Ferrer ศาลพบว่า HFC ไม่เคยมีสิทธิอย่างอิสระในการใช้ชื่อและภาพเหมือนของ Audrey Hepburn ที่นอกเหนือไปจากที่ดำเนินธุรกิจในชื่อ "The Audrey Hepburn Children's Fund" ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงพบว่า การที่ HFC ทำสัญญากับบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคุณ Ferrer นั้น เป็นการกระทำที่เกินกว่าสิทธิและไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินเข้าข้างคุณ Ferrer เพราะยังตัดสินว่า คำกล่าวอ้างของ HFC เกี่ยวกับการแทรกแซงการทำสัญญานั้นไม่มีมูลทางกฎหมาย ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินเข้าข้างคุณ Ferrer ในการเรียกร้องค่าเสียหายของ HFC ให้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย โดยไม่ยอมให้การเรียกร้องดังกล่าวถึงขั้นพิจารณาคดี
Lawrence Segal หัวหน้าทีมทนายความของคุณ Ferrer ในการพิจารณาคดีดังกล่าว กล่าวว่า "ผมเชื่อมาตลอดว่า HFC ได้ถือวิสาสะโดยพลการ นอกเหนือไปจากความยินยอมในวงจำกัดในการใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่คุณ Sean อาจเคยยอมให้ในอดีตที่ผ่านมา พวกเขาทึกทักไปเองว่าตนมีสิทธิ และกระทำตัวเหมือนว่าตนเป็นเจ้าของสิทธินั้น แทนที่จะเป็นคุณ Sean และน้องชาย HFC ได้พยายามช่วงชิงอำนาจในการควบคุมของคุณ Sean ในเรื่องของชื่อและภาพเหมือนของผู้เป็นมารดา ซึ่งได้แสดงให้เห็นความมุทะลุในระดับหนึ่ง เมื่อคุณ Sean ได้อนุญาตให้ทาง HFC ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ Audrey Hepburn ในอดีตที่ผ่านมา ด้วยจุดประสงค์ในการระดมทุนในวงจำกัดและประเมินเป็นกรณีไป แต่หลังจากนั้นกลับพบว่า HFC ได้เลิกขอความยินยอม และเริ่มตักตวงผลประโยชน์ทางการเงินจากสิทธิที่ตนไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีอำนาจควบคุม ศาลพบว่า HFC ไม่เคยได้รับใบอนุญาตหรือสิทธิอย่างอิสระในชื่อและภาพเหมือนของ Audrey Hepburn ไม่ว่าจะในช่วงเวลาใดก็ตาม และสิ่งที่ HFC ได้อ้างและยืนยันในการฟ้องร้องคดีต่อคุณ Sean นั้นถูกศาลปฏิเสธทั้งหมดทั้งมวล โดยคุณ Sean คว้าชัยชนะในทุกศาล"
เมื่อทราบคำตัดสินของศาล คุณ Sean Hepburn Ferrer กล่าวว่า "หลังจากที่ผมถูกทำให้เสียชื่อเสียงในการฟ้องคดีและข่าวประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ในที่สุดความจริงก็ปรากฏให้เห็น เมื่อผมก่อตั้ง Hollywood for Children ขึ้นในปี 1993 นั้น ผมมีเจตนาในการสานต่อจุดประสงค์เพื่อมนุษยธรรมของแม่ซึ่งได้กลายเป็นวัฒนธรรมประจำครอบครัวไปแล้ว หลังจากที่ผมได้ลาออกจาก Hollywood for Children เมื่อปี 2012 ผมได้ขอให้น้องชายเข้ามาดูแลแทน จากนั้นผมก็ได้กลายเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคม Audrey Hepburn Society ประจำองค์กร US Fund for UNICEF ซึ่งคุณ Caryl Stern ผู้เป็นประธาน ได้ให้การยืนยันว่า องค์กรดังกล่าวระดมทุนต่อเนื่องได้กว่า 150,000,000 ดอลลาร์สหรัฐให้เด็ก ๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ดี Luca น้องชายผม ได้ปฏิเสธที่จะให้ใบอนุญาตต่อทางสมาคม เราจึงจำเป็นต้องปิดไป หากมีผู้ลองไปดูรายการเสียภาษีตามแบบฟอร์ม 990 ของ Hollywood For Children ซึ่งเปิดให้อ่านได้บนระบบออนไลน์แล้ว ก็อาจดูเหมือนว่าคดีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการกุศลเลย การที่น้องชายและอดีตทนายความร่วมใจกันหักหลังด้วยเหตุผลในการตักตวงโอกาสเช่นนี้ ทำให้ประสบการณ์ที่ผมต้องเผชิญทั้งหมดนี้เป็นเรื่องมืดมนในชีวิตของผมอย่างยิ่ง โดยข่าวพาดหัวต่างระบุว่า 'Audrey Hepburn (องค์กรการกุศล) ฟ้องลูกชายตัวเอง' ตลอดทั้งชีวิตผมเดินทางในเส้นทางที่ 'ซื่อสัตย์และถูกต้อง' มาโดยตลอด และการถูกตั้งข้อสงสัยเช่นนี้ถือเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง นี่คือชัยชนะหรือ เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ตกเป็นเดิมพันและบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจมากกว่าดีใจที่ชนะ ผมหวังว่าผมจะกลับไปทำในสิ่งที่สำคัญอีกครั้งได้แล้ว นั่นคือการสานต่อคุณงามความดีของแม่ในเรื่องความกรุณาปรานีและผลงานเพื่อมนุษยชาติ"
คำร้องดังกล่าวถูกยื่นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 และผู้พิพากษา Sotelo ได้ฟังคำแถลงการณ์สุดท้ายในเดือนกรกฎาคม สามารถอ่านคำวินิจฉัยยาว 9 หน้าของผู้พิพากษา David Sotelo ในการพิจารณาคดีโดยไม่มีลูกขุนนี้ได้ที่ http://bc649828.com/