ลอนดอน, 27 พฤษภาคม 2564 /PRNewswire/ -- การลงทุนของเครือรัฐโดมินิกาในโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยในสัปดาห์นี้ เครือรัฐโดมินิกาได้ฉลองเปิดแผนกโรคหัวใจที่โรงพยาบาล Dominica-China Friendship Hospital ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขและสุขอนามัยของประเทศ ได้ยกย่องให้แผนกโรคหัวใจที่ว่านี้เป็นความก้าวหน้าสำคัญในระบบสุขภาพของประเทศ เพราะช่วยยกระดับคุณภาพบริการให้ประชาชนชาวโดมินิกา
แผนกโรคหัวใจแห่งนี้มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง เครื่องวัดความดันโลหิต 24 ชั่วโมง เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนความถี่สูง และเทคโนโลยีตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ 12 lead ซึ่งจะทำให้พลเมืองได้รับการดูแลเฉพาะทางได้ในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ แทนที่จะต้องเดินทางไปรักษาในต่างประเทศ
การเปิดแผนกใหม่นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งในแวดวงการดูแลสุขภาพของโดมินิกา โดยเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เพิ่งเฉลิมฉลองการกำจัดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกไปเมื่อไม่นานมานี้ตามการรับรองขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มีไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่ทำได้
ในพิธีเปิดนั้น Roosevelt Skerrit นายกรัฐมนตรีเครือรัฐโดมินิกา ได้กล่าวยกย่องตัวอย่างความสำเร็จที่กำลังจะมีขึ้นอันเป็นผลงานรัฐบาลของเขาเองว่า "เราได้เปิดศูนย์สุขภาพใหม่ไป 6 แห่งในปีนี้ และเตรียมเปิดอีก 5 แห่งภายใน 2 เดือนหน้า โรงพยาบาล Marigot Hospital แห่งใหม่จะเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายนปีนี้ และเราคาดว่า Dominica-China Friendship Hospital จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดภายในปลายปี 2564"
ที่สำคัญยิ่ง ความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพหลายอย่างนั้นเป็นผลจากการจัดสรรเงินทุนอย่างรอบคอบในโครงการ Citizenship by Investment (CBI) Programme ของโดมินิกา ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกสองของโรคโควิด-19 ที่ร้ายแรงกว่าเดิมนั้น การเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพก็เข้ามามีความสำคัญมากกว่าที่เคย โดยนอกเหนือจากที่โดมินิกาจะเข้าควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้เผชิญข้อจำกัดมากมายจากการแพร่ระบาดแล้ว โดมินิกายังมุ่งมั่นในการยกระดับบริการดูแลสุขภาพในประเทศด้วย และนอกเหนือจากการดูแลสุขภาพแล้ว โดมินิกายังลงทุนอย่างหนักในเรื่องการศึกษา ความยั่งยืน และบ้านราคาถูก โดยใช้เงินจากกองทุน CBI ให้เป็นประโยชน์แก่พลเมือง
โครงการดังกล่าวเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาเป็นพลเมืองของเครือรัฐโดมินิกาได้ จากการลงทุนผ่านกองทุน Economic Diversification Fund หรือไม่ก็ซื้อรีสอร์ทหรูที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมดังที่ผ่านการอนุมัติมาก่อนแล้วจากแบรนด์โรงแรมดังระดับโลกอย่าง Hilton, Marriott และ Kempinski และเมื่อผ่านขั้นตอนการคัดกรองแล้ว ก็มักจะได้สัญชาติภายในเวลา 3 เดือน พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือขอวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงได้กว่า 140 แห่ง ทั้งยังมีโอกาสในการทำธุรกิจ และสิทธิในการส่งต่อสัญชาติให้ลูกหลาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวางใจได้ด้วยว่า เงินลงทุนของพวกเขาจะมีส่วนช่วยทำให้บ้านอีกหลังของพวกเขาดีขึ้น
ติดต่อ: +447867942505, pr@csglobalpartners.com, www.csglobalpartners.com