อุตสาหกรรมพลังงานลมออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาล "จริงจัง" ก่อนการประชุม COP26 พร้อมสนับสนุนโครงการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนเพื่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

- กลุ่มพันธมิตรระดับโลกที่เกิดจากการรวมตัวของบริษัทและสมาคมพลังงานลมมากกว่า 90 แห่ง ออกแถลงการณ์ COP26 Manifesto เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม 8 ขั้นตอนเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

- การติดตั้งพลังงานลมต่อปีจะต้องเพิ่มขึ้นสี่เท่าจากระดับปัจจุบันเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ขณะที่ประมาณการปัจจุบันยังน้อยกว่าครึ่งของที่จำเป็น

- ผู้ลงนามประกอบด้วยบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอุตสาหกรรมพลังงานลม เช่น Vestas, Siemens-Gamesa, Goldwind, Mingyang, Nordex-Acciona, Iberdrola, ENEL, SSE, Orsted, EDP Renovables, Equinor, Mainstream Renewable Power, Green Investment Group และ DNV ตลอดจนสมาคมอุตสาหกรรมจากยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา และแอฟริกา ซึ่งรวมถึงจีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหราชอาณาจักร

- โลกต้องการการดำเนินการที่เด็ดขาดเพื่อต่อสู้กับภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมพลังงานลมมีเครื่องมือที่พร้อมช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทาย เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมติดตั้งทั่วโลกขึ้นสี่เท่า และแถลงการณ์ฉบับนี้ขอให้รัฐบาลช่วยอุตสาหกรรมพลังงานลมอีกแรงหนึ่งเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

ลอนดอน, 18 ตุลาคม 2564 พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ -- ภาคอุตสาหกรรมพลังงานลมได้ออกแถลงการณ์ในการประชุมสุดยอด BNEF ที่ลอนดอน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ "เอาจริงเอาจัง" เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว

พลังงานลมเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการติดตั้งที่ 93GW ในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสถาบันพลังงานระหว่างประเทศชั้นนำอย่าง IRENA และ IEA แสดงให้เห็นว่า อัตราการเติบโตในปัจจุบันนั้นยังห่างไกลเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และอุตสาหกรรมเดินทางมาได้เพียง 43% ของกำลังการผลิตพลังงานลมที่กำหนดไว้ภายในปี 2050 ดังนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว การติดตั้งพลังงานลมต่อปีทั่วโลกจะต้องเพิ่มขึ้นสี่เท่าภายในทศวรรษหน้า

บริษัทพลังงานลมชั้นนำของโลกมากกว่า 90 แห่ง ซึ่งนำโดย Global Wind Energy Council (GWEC) และประกอบด้วยผู้ผลิต ผู้มีบทบาทในห่วงโซ่อุปทาน นักลงทุน และหน่วยงานอุตสาหกรรมจากทั่วโลกได้รวมตัวกันเพื่อสนับสนุนแถลงการณ์ฉบับนี้ และเรียกร้องการดำเนินการ 8 ประการ ได้แก่

1. เพิ่มเป้าหมายด้านพลังงานลม และบรรจุเข้าใน Nationally Determined Contributions (NDCs) ฉบับปรับปรุง รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศแห่งชาติที่ครอบคลุม และแผนพลังงานระยะยาว
2. ให้คำมั่นยกเลิกการผลิตถ่านหินอย่างรวดเร็วตั้งแต่บัดนี้
3. ออกแบบและดำเนินการตลาดพลังงานสำหรับอนาคต
4. ดำเนินขั้นตอนการอนุญาตที่คล่องตัวและสมเหตุสมผลสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่อเร่งการติดตั้งใช้งานและลดขนาดโครงการ
5. ริเริ่มแผนการเพื่อสร้างกริดพลังงานสะอาดและสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
6. พัฒนานโยบายที่แน่นแฟ้นและทั่วถึง โดยอุทิศทรัพยากรสาธารณะให้กับการเปลี่ยนแปลงที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสุทธิเป็นศูนย์
7. ปรับการเคลื่อนที่ของเงินในระดับชาติและระดับภูมิภาคให้สอดคล้องกับเกณฑ์การควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
8. ผลักดันความร่วมมือโดยสมัครใจเกี่ยวกับการกำหนดราคาคาร์บอนภายใต้ข้อที่ 6.2 และ 6.4 ของความตกลงปารีส

อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานทั่วโลกแล้ว โดยพลังงานลมช่วยให้โลกหลีกเลี่ยงการปล่อย CO2 ได้ 1.1 พันล้านตันต่อปี และสร้างงานมากกว่า 1.2 ล้านตำแหน่งทั่วโลก พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและชุมชนไปสู่สิ่งที่ดี

แต่อุตสาหกรรมนี้ต้องการกรอบนโยบายมาช่วยสนับสนุนเพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แถลงการณ์จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อการกำหนดนโยบายด้านพลังงานและเศรษฐกิจให้อยู่ภายใต้ "ภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ"

Ben Backwell ซีอีโอของ GWEC แสดงความเห็นว่า "รัฐบาลต้องตอบสนองอย่างเด็ดขาดต่อภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีอนาคตสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อ ๆ ไป ซึ่งการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างรวดเร็วถือเป็นส่วนสำคัญของการแก้ปัญหา

"แถลงการณ์ฉบับนี้กำหนดข้อปฏิบัติที่มีความหมายซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงาน รัฐบาลจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นและลึกขึ้น ด้วยการปรับปรุง NDC เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ตัดลดขั้นตอนที่ทำให้เกิดความล่าช้า และปรับปรุงกระบวนการอนุญาตให้กระชับขึ้น ตลอดจนสนับสนุนการลงทุนที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดพลังงานทั่วโลกระยะนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อเลิกการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ และสร้างตลาดพลังงานที่ตรงตามวัตถุประสงค์เพื่ออนาคตที่สะอาดและยั่งยืน"

Rebecca Williams ผู้อำนวยการ COP26 ของ GWEC กล่าวว่า "เรามีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จำเป็นในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่แล้ว สิ่งที่เรายังไม่มีคือเจตจำนงทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเราต้องการเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

"แถลงการณ์ของเรากำหนดข้อปฏิบัติที่ชัดเจน 8 ประการซึ่งผู้กำหนดนโยบายและรัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อคว้าโอกาสทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่มีอยู่มากมายในอุตสาหกรรมพลังงานลม ซึ่งจะช่วยให้เป็นไปตาม NDC ที่กำหนดไว้ และบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน ผู้นำโลกซึ่งจะไปรวมตัวกันที่กลาสโกว์ในเดือนหน้ามีโอกาสที่จะเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับการขับเคลื่อนยุคใหม่ของพลังงานทดแทน ไม่ใช่ไปเพื่อหยุดยั้ง"

เกี่ยวกับ GWEC

GWEC เป็นองค์กรรูปแบบสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมพลังงานลมทั้งหมด สมาชิกของ GWEC ประกอบไปด้วยตัวแทนจากบริษัท องค์กร และสถาบันมากกว่า 1,500 แห่ง ในกว่า 80 ประเทศ รวมถึงผู้ผลิต ผู้พัฒนา ซัพพลายเออร์ส่วนประกอบ สถาบันวิจัย สมาคมพลังงานลมและพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติ ผู้ให้บริการไฟฟ้า บริษัทการเงินและประกันภัย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://gwec.net/

GWEC จัดตั้งกลุ่มพันธมิตร Global Wind Energy Coalition for COP26 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทพลังงานลมชั้นนำและสมาคมต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมเพื่อจำกัดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://windareyouin.com/ 

ดาวน์โหลด COP26 Manifesto ฉบับเต็ม ได้ที่: http://gwec.net/cop26-manifesto/

โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1661794/GWEC_Logo.jpg?p=medium600