ปักกิ่ง--24 ตุลาคม 2564--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
แนวคิดประชาธิปไตยของจีนมีความแตกต่างจากโลกตะวันตก โดยระบบการเมืองจีนให้ความสำคัญกับการสร้างฉันทามติของคนส่วนใหญ่มากกว่าการต่อรองอย่างยืดเยื้อก่อนที่จะตัดสินใจแบบโลกตะวันตก
จีนใช้หลักการประชาธิปไตยตามแนวทางที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกว่า "ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมด" (whole-process people's democracy) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำเสนอครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว ในระหว่างที่ผู้นำจีนเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ราชการในนครเซี่ยงไฮ้
ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมด อ้างอิงระบบสภาประชาชนที่เปิดโอกาสให้ชาวจีนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองทุกระดับอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การปรึกษาหารือทางการเมือง การตัดสินใจ และการกำกับดูแล
เรื่องราวของ หลิว หลี่ สมาชิกสภานิติบัญญัติ จะช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นภาพของประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมด
จากพนักงานนวดฝ่าเท้าสู่สมาชิกสภานิติบัญญัติจีน
หลิว หลี่ คือประชาชนคนธรรมดาที่ไต่เต้าสู่ตำแหน่งผู้แทนในสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ซึ่งเป็นสถาบันนิติบัญญัติที่มีอำนาจสูงสุดของจีน
เธอเกิดในครอบครัวยากจนในอำเภอหยิงชาง มณฑลอันฮุย ทางภาคตะวันออกของจีน เธอต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 14 ปี เพื่อทำงานหาเงินให้น้อง ๆ อีก 4 คนได้เรียนหนังสือ
หลังจากนั้นเธอออกจากบ้านตัวเปล่าและเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน เพื่อทำงานเป็นบริกรและพี่เลี้ยงเด็ก ก่อนที่จะได้เป็นเด็กฝึกงานของร้านนวดฝ่าเท้าในเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ทางภาคตะวันออกของจีน
ภูมิหลังที่ยากจนไม่ได้ทำให้เธอไร้ความโอบอ้อมอารี เธอไม่ต้องการให้เด็ก ๆ ต้องเลิกเรียนกลางคันเหมือนเธอ เธอจึงให้การสนับสนุนนักเรียนกว่า 100 คน ในช่วงปี 2549-2553
จิตใจอันงดงามทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับประเทศ เธอได้รับการขนานนามว่า "พนักงานนวดฝ่าเท้าที่งดงามที่สุดในประเทศจีน" หลังจากนั้นได้กลายเป็นกระบอกเสียงของแรงงานอพยพและชาวบ้านในชนบทในฐานะผู้แทนในสภาประชาชนแห่งชาติ
ในปี 2555 เธอได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนสภาประชาชนเมืองเซี่ยเหมิน ก่อนที่จะได้เป็นผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติในปี 2556 ปีต่อมาเธอได้ย้ายกลับมาที่มณฑลอันฮุย เธอได้เปิดร้านนวดฝ่าเท้าและศูนย์ชุมชนสำหรับผู้สูงอายุ
ประชาธิปไตยไม่ใช่เครื่องประดับตกแต่ง
สมาชิกสภานิติบัญญัติในโลกตะวันตกเล่นการเมืองเป็นอาชีพ แต่ผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติจีนอย่างหลิว หลี่ ไม่ได้ทำงานนี้เป็นงานประจำ และผู้แทนจำนวนมากก็เป็นประชาชนคนธรรมดาจากทุกสาขาอาชีพ ทั้งเกษตรกร พนักงานโรงงาน ช่างฝีมือ และพนักงานกวาดถนน
ในการประชุมประจำปี ผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติจะพิจารณาและโหวตร่างกฎหมายที่มีความสำคัญ และการปรับเปลี่ยนตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีทุก 5 ปี ไปจนถึงการรับญัตติและข้อเสนอต่าง ๆ
ข้อเสนอของหลิว หลี่ ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และแรงงานอพยพ ในปี 2561 เธอได้เสนอให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ "ครบวงจร" ระดับท้องถิ่นสำหรับสืบสวนคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ซึ่งข้อเสนอของเธอได้รับการตอบรับจากสภาประชาชนแห่งชาติ และมีการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ตามมา
หน่วยงานด้านกฎหมายในอำเภอติงหยวน มณฑลอันฮุย ได้นำร่องด้วยการจัดตั้งศูนย์ให้ความรู้กฎหมายเด็กและเยาวชนเพื่อรับมือกับคดีดังกล่าว และลดผลกระทบเชิงลบต่อเด็กในระหว่างกระบวนการสืบสวน ปัจจุบันมีศูนย์ลักษณะนี้รวม 15 แห่งในมณฑลอันฮุย
หลิว หลี่ ยื่นข้อเสนอดังกล่าวหลังจากได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกับคนในชุมชนต่าง ๆ โดยเมื่อไม่มีประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เธอได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแรงงานอพยพ รวบรวมความคิดเห็นผ่านทางออนไลน์ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าของเธอซึ่งมาจากทุกภาคส่วนของสังคม
เรื่องราวของเธอเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของคนธรรมดาที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนด้วยกัน และแสดงให้เห็นว่าสภาประชาชนมีส่วนช่วยสนับสนุน "ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการทั้งหมด" อย่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวไว้ว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่เครื่องประดับตกแต่ง แต่เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาสำคัญของประชาชน"
สภาประชาชนมี 5 ระดับ โดยผู้แทนแต่ละระดับได้รับเลือกจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทางตรงหรือทางอ้อม สำหรับผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติได้รับเลือกจากสภาประชาชนระดับมณฑล เขตปกครองตนเอง และเทศบาลนคร ส่วนในระดับเมืองและอำเภอ ผู้แทนสภาประชาชนได้รับเลือกโดยตรงจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง และคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดของผู้แทนทุกระดับ โดยผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจะเลือกผู้แทนสภาประชาชนระดับเมือง ซึ่งจะเลือกผู้แทนระดับมณฑลต่อไป
ในปี 2562 มีผู้แทนสภาประชาชนทุกระดับรวม 2.67 ล้านคน ซึ่งรวมถึงระดับอำเภอ 590,000 คน และระดับเมือง 1.94 ล้านคน โดยผู้แทนจากสองระดับดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 95% ของผู้แทนทั้งหมด
"หากประชาชนตื่นตัวเฉพาะตอนเลือกตั้งและหยุดการเคลื่อนไหวหลังจากนั้น หากประชาชนฟังคำโฆษณาระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งแต่ไม่มีสิทธิมีเสียงหลังจากนั้น หากประชาชนได้รับการเอาอกเอาใจระหว่างหาเสียงแต่ถูกทิ้งหลังการเลือกตั้ง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง" นายสี จิ้นผิง กล่าว