ปักกิ่ง--17 พฤศจิกายน 2564--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
จีนและสหรัฐอเมริกาเห็นพ้องต้องกันว่าจะเดินหน้าติดต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทางต่าง ๆ และนำความสัมพันธ์ทวิภาคีกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องเพื่อการพัฒนาอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ในระหว่างการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
การประชุมระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ดำเนินไปอย่าง "ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ มีสาระ และมีประสิทธิผล" โดยมีการหารือกันในประเด็นสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน การค้า และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การประชุมทางไกลครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการจับตามองจากหลายฝ่าย หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ในภาวะระส่ำระสายตลอดปีที่ผ่านมา
หลักความสัมพันธ์ทวิภาคียุคใหม่
นายสี จิ้นผิง กล่าวกับนายไบเดนว่า การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย คือหลักสามประการในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมั่นคงระหว่างสองประเทศ รวมถึงแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนายไบเดนเพื่อสร้างฉันทามติ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี
นายสี จิ้นผิง ได้แสดงความหวังว่านายไบเดนจะแสดงให้เห็นถึง "ความเป็นผู้นำทางการเมือง" ด้วยการนำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับจีนกลับสู่เส้นทางที่ "สมเหตุสมผลและปฏิบัติได้จริง"
"จีนและสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องยกระดับการสื่อสารและความร่วมมือ โดยแต่ละฝ่ายต้องดูแลกิจการภายในประเทศให้ดี พร้อมกับร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบระหว่างประเทศ และทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาอุดมการณ์อันสูงส่งในการสร้างสันติภาพและพัฒนาโลกของเรา" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าว
ด้านประธานาธิบดีไบเดนเห็นพ้องว่า สหรัฐอเมริกาและจีนในฐานะประเทศใหญ่ ต่างมีความรับผิดชอบทั้งต่อประชาชนของประเทศและต่อทั่วโลก
"ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องมีการเจรจาอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพื่อให้เข้าใจเจตนาของกันและกันมากขึ้น และทำให้แน่ใจว่าการแข่งขันระหว่างสองประเทศนั้นยุติธรรมและเป็นไปด้วยดี และไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง" ประธานาธิบดีไบเดน กล่าว
ประเด็นสำคัญที่ต้องอาศัยความพยายามร่วมกัน
นายสี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า จีนและสหรัฐอเมริกาควรเป็นผู้นำในการรับมือกับความท้าทายที่สำคัญของโลก ขยายผลประโยชน์ร่วมกันผ่านความร่วมมือระดับทวิภาคี จัดการกับความแตกต่างและประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างสร้างสรรค์ ตลอดจนเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือในประเด็นสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศควรใช้ช่องทางและกลไกการเจรจาอย่างเต็มที่ระหว่างทีมงานด้านการทูตและความมั่นคง ทีมเศรษฐกิจและการเงิน และทีมแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อพัฒนาความร่วมมือในทางปฏิบัติและแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจง
ประธานาธิบดีจีนยังได้แสดงจุดยืนในประเด็นไต้หวันว่า การบรรลุเป้าหมายรวมชาติอย่างสมบูรณ์ถือเป็นความปรารถนาร่วมกันของชาติจีน "หากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชของไต้หวันยั่วยุเรา บังคับให้เราต้องลงมือ หรือแม้แต่ข้ามเส้นเรา เราก็จำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าว"
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกายังคงยึดมั่นในนโยบายจีนเดียวที่มีมาอย่างยาวนาน และระบุว่าสหรัฐอเมริกาไม่สนับสนุน "การแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน"
สหรัฐอเมริกาจะทำงานร่วมกับจีนบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกันและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ตลอดจนยกระดับการสื่อสาร ลดความเข้าใจผิด และจัดการกับความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายพยายามร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมทางฟากฝั่งของจีนประกอบด้วย นายติง เสวี่ยเซียง ผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน, นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี, นายหยาง เจียฉี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน, นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเซี่ย เฟิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ด้านตัวแทนจากสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, นายเคิร์ต ไมเคิล แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานกิจการอินโด-แปซิฟิกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และลอร่า โรเซนเบอร์เกอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านจีน