บริษัทเบียร์ชั้นนำของโลกรายนี้กำลังช่วยจัดหาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนให้กับบาร์ สนามกีฬา และสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
เลอเวิน, เบลเยียม--21 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์
บัดไวเซอร์ (Budweiser) แบรนด์ระดับโลกในเครือเอบี อินเบฟ (AB InBev) ประกาศเปิดตัวโครงการ ดิ เอเนอร์จิ คอลเลคทีฟ (The Energy Collective) ทั่วโลก เพื่อช่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับบาร์ สถานที่แสดงดนตรี และสนามกีฬาทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้สอดคล้องและมีส่วนสนับสนุนความพยายามของบริษัทแม่อย่างเอบี อินเบฟ ในการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรภายในปี 2583
ผู้ผลิตบัดไวเซอร์ได้เปลี่ยนผับท้องถิ่นมากกว่า 2,000 แห่งในบราซิลและไอร์แลนด์ให้เป็นพลังงานหมุนเวียนจนถึงปัจจุบัน โดยในบราซิล เลมอน เอเนอร์จี (Lemon Energy) เป็นผู้จัดหาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนให้กับเจ้าของธุรกิจ ซึ่งได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปแล้วมากกว่า 291 ตันต่อปี ทั้งนี้ เป้าหมายของโครงการเอเนอร์จี คอลเลคทีฟ สำหรับบราซิลคือการเปลี่ยนสถานที่ 250,000 แห่งให้หันไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนภายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) ได้ 36,375 ตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 7,991 คันออกจากท้องถนน
เมื่อปี 2558 บัดไวเซอร์ได้ตั้งเป้าที่จะผลิตเบียร์ทุกชนิดด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่อนาคตที่สดใส นอกจากนี้ บัดไวเซอร์ได้เปิดตัวโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ เพื่อช่วยเชื่อมโยงบาร์ สถานที่แสดงดนตรี และสนามกีฬาทั่วโลกเข้ากับแหล่งพลังงานหมุนเวียน หลังจากบรรลุเป้าหมายนี้ในหลายตลาดแล้ว ซึ่งการบรรลุผลสำเร็จและทรัพยากรของบัดไวเซอร์ ประกอบกับความปรารถนาที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้นำไปสู่การตัดสินใจที่จะผลิตเบียร์ทั้งหมดด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน และการเปิดตัวโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ในเวลาต่อมา
"ผู้บริโภคต้องการโลกที่ดีกว่า ที่ซึ่งสิ่งที่พวกเขารักนั้นมีความยั่งยืน โดยโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับเคลื่อนสิ่งที่ผู้คนรักด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน พร้อมกับช่วยปิดช่องว่างระหว่างสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการกับสิ่งที่บริษัททำได้" คุณทอดด์ อัลเลน (Todd Allen) รองประธานฝ่ายการตลาดระดับโลกของบัดไวเซอร์ กล่าว "เราเพิ่งจะเริ่มต้น ความฝันที่ชัดเจนของเราคือบาร์ สถานที่จัดงาน และสนามกีฬาทุกแห่งในโลกที่เสิร์ฟบัดไวเซอร์ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน"
บัดไวเซอร์สนับสนุนความพยายามของเอบี อินเบฟในการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรภายในปี 2583 ซึ่งโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว จะช่วยให้เจ้าของผับลดการปล่อยมลพิษโดยเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่อาจจะไม่สามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนด้วยราคาที่ย่อมเยาลง
คุณเอซกิ บาร์เซนาส (Ezgi Barcenas) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของเอบี อินเบฟ กล่าวว่า "เมื่อบัดไวเซอร์ตัดสินใจผลิตเบียร์ด้วยพลังงานหมุนเวียน เรารู้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้ในด้านพลังงานหมุนเวียนในฐานะแบรนด์ระดับโลก การเปิดตัวโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก โดยใช้ประโยชน์จากขนาดองค์กรของเราเพื่อทำให้ลูกค้าได้ใช้พลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้นในราคาที่เหมาะสม"
ค่าไฟฟ้ามักจะเป็นหนึ่งในต้นทุนที่สูงที่สุดสำหรับบาร์ ซึ่งดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ สามารถช่วยประหยัดต้นทุนดังกล่าว ในขณะเดียวกันก็ให้การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียนโดยร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านพลังงานในท้องถิ่น นอกจากนั้นแล้ว โครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ยังช่วยส่งเสริมภารกิจของบัดไวเซอร์ในการขับเคลื่อนสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน
"การเชื่อมต่อกับพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนผ่านผู้ให้บริการในท้องถิ่นในโครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ช่วยให้ผมลดต้นทุนค่าไฟได้ประมาณเดือนละ 10%" คุณวิลล์ มอร์แกน (Will Morgan) ผู้จัดการทั่วไปของบาร์เจอร์รี แฟลนเนอรี (Jerry Flannery's) ในเมืองลิเมอริคของไอร์แลนด์ กล่าว "นอกจากนั้น ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนากับลูกค้าของผมหลายคน ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของพลังงานหมุนเวียนและการสร้างอนาคตที่สดใสให้สำหรับพวกเราทุกคน"
ปัจจุบัน โครงการดิ เอเนอร์จี คอลเลคทีฟ ได้อำนวยความสะดวกด้านการเชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในบางประเทศ รวมทั้งไอร์แลนด์และบราซิล และจะดำเนินโครงการนำร่องในโคลอมเบียในปี 2565 ขณะนี้ บัดไวเซอร์กำลังสำรวจโอกาสในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร ชิลี อุรุกวัย และอื่น ๆ
เกี่ยวกับแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ และบัดไวเซอร์ แอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) เป็นบริษัทมหาชน (Euronext: ABI) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลูเวน ประเทศเบลเยียม โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศในเม็กซิโก (MEXBOL: ANB) และแอฟริกาใต้ (JSE: ANH) และมีใบรับฝากหุ้นที่ออกโดยสถาบันการเงินในสหรัฐ (American Depositary Receipts) ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: BUD) ในฐานะบริษัทแห่งหนึ่ง เรามีความฝันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างอนาคตด้วยเสียงเชียร์ที่ดังขึ้น เรามักมองหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองช่วงเวลาต่าง ๆ ของชีวิต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของเราไปข้างหน้า และสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อโลกอยู่เสมอ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ยอดเยี่ยมที่รักษาคุณค่าเหนือกาลเวลาและการผลิตเบียร์ที่ดีที่สุดโดยใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุด ผลงานที่หลากหลายของเราประกอบด้วยแบรนด์เบียร์มากกว่า 500 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ระดับโลกอย่างบัดไวเซอร์ (Budweiser®), โคโรนา (Corona®) และสเตลลา อาทัวส์ (Stella Artois®) แบรนด์ที่จำหน่ายในหลายประเทศอย่างเบ็คส์ (Beck's®), โฮการ์เด้น (Hoegaarden®), เลฟ (Leffe®) และมิเคลอป อัลตรา (Michelob ULTRA®) และแชมป์ท้องถิ่นอย่างอากีลา (Aguila®), แอนตาร์ติกา (Antarctica®), บัด ไลท์ (Bud Light®), บราห์มา (Brahma®), แคส (Cass®), คาสเซิล (Castle®), คาสเซิล ไลท์ (Castle Lite®), คริสตอล (Cristal®), ฮาร์บิน (Harbin®), จูปิเลอร์ (Jupiler®), โมเดโล เอสเปเชียล (Modelo Especial®), ควิลเมส (Quilmes®), วิคตอเรีย (Victoria®), เซดริน (Sedrin®), และสกอล (Skol®) มรดกด้านการผลิตเบียร์ของเรามีอายุมากกว่า 600 ปี ครอบคลุมหลายทวีปและหลายชั่วอายุคน จากรากฐานในยุโรปที่โรงเบียร์เดน ฮูร์น (Den Hoorn) ในเมืองลูเวน ประเทศเบลเยียม สู่จิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกโรงเบียร์แอนไฮเซอร์ แอนด์ โค (Anheuser & Co) ในเมืองเซนต์หลุยส์ของสหรัฐ สู่การก่อตั้งโรงเบียร์คาสเซิล บริวเวอรี่ (Castle Brewery) ในแอฟริกาใต้ในช่วงยุคตื่นทองในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก สู่โรงเบียร์โบฮีเมีย (Bohemia) ซึ่งเป็นโรงเบียร์แห่งแรกในบราซิล ทั้งนี้ เรามีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และเปิดตัวอย่างสมดุลในตลาดที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งส่วนรวมของพนักงานประมาณ 169,000 คนในเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเอบี อินเบฟได้รายงานรายได้ไว้ที่ 5.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รวมการร่วมลงทุนและหุ้นส่วน) ในปี 2564
บัดไวเซอร์เป็นเบียร์ลาเกอร์สไตล์อเมริกันที่มีบอดี้ปานกลาง รสชาติดี และนุ่ม หมักด้วยข้าวบาร์เลย์ที่ดีที่สุดและส่วนผสมของฮอประดับพรีเมียม บัดไวเซอร์เป็นสัญลักษณ์ของการมองโลกในแง่ดีและการเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมุ่งมั่นที่จะผลิตเบียร์บัดไวเซอร์ทุกขวดด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/1800341/Hero_Visual.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1800342/budglb_mark_logo_st_red_rgb__1_Logo.jpg?p=medium600