สิงคโปร์—14 มิ.ย.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เอสทีไมโครอีเล็คโทรนิคส์ (STMicroelectronics) (NYSE: STM) ผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งให้บริการลูกค้าครอบคลุมการใช้งานด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเอสพี กรุ๊ป (SP Group) หรือเอสพี (SP) ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคชั้นนำในเอเชียแปซิฟิกและผู้ควบคุมกริดไฟฟ้าของสิงคโปร์ ประกาศลงนามในข้อตกลงเพื่อติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางที่โรงงานเอสที เอเอ็มเค เทคโนปาร์ค (ST AMK TechnoPark) โปรเจกต์ดังกล่าวคาดว่าจะมีมูลค่า 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลา 20 ปี โดยจะเป็นระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (DCS) ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เมื่อเปิดดำเนินการจริงในปี 2568
ในข้อตกลงนี้ เอสพีจะออกแบบ สร้าง เป็นเจ้าของ และผู้ดำเนินการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางดังกล่าว โดยให้บริการน้ำเย็นเพื่อใช้ในการผลิตและการทำความเย็นตามพื้นที่ต่าง ๆ ของเอสที ขีดความสามารถในการทำความเย็นสูงสุด 36,000 ตันความเย็น (RT) นี้จะช่วยให้เอสทีประหยัดค่าไฟฟ้าจากการทำความเย็นได้ปีละ 20% ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบทำน้ำเย็น ทั้งยังช่วยให้เอสทีลดการปล่อยคาร์บอนที่โรงงานเอสที เทคโนปาร์ค ได้มากถึงปีละ 120,000 ตัน เทียบเท่ากับการนำรถออกจากท้องถนน 109,090 คัน คาร์บอนที่ลดลงนี้เป็นผลจากการลดการใช้พลังงาน ขณะที่เพิ่มการพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์ลดการปล่อยเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (Perfluorocarbons หรือ PFC) ด้วยการนำพื้นที่โรงงานทำความเย็นกว่า 4,000 ตารางเมตรไปใช้ใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นพื้นที่โล่งเมื่อเปิดใช้ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางใหม่นี้แล้ว
ระบบทำความเย็นนี้จะเป็นระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางระบบแรกที่เอสทีนำมาใช้ในโรงงานผลิตของตน โดยเอสทีมีความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วโลกภายในปี 2570 การใช้ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางในโรงงานผลิตวงจรบนแผ่นเวเฟอร์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท (ในแง่ปริมาณ) จะเป็นองค์ประกอบสำคัญให้โรงงานแห่งนี้บรรลุมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ (MEES) ซึ่งทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ (NEA) ได้กำหนดไว้ พร้อมผลักดันให้บริษัทบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้
"ระบบทำความเย็นในสิงคโปร์นี้จะเป็นระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางระบบแรกที่เอสทีนำมาใช้ในโรงงานผลิตของตนทั่วโลก ทั้งยังสะท้อนความมุ่งมั่นของเราได้เป็นอย่างดีในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนทั่วโลกภายในปี 2570" คุณราจิตา ดีซูซา (Rajita D'Souza) ประธานฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร บริษัทเอสทีไมโครอีเล็คโทรนิคส์ กล่าว "การใช้ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางในโรงงานผลิตวงจรบนแผ่นเวเฟอร์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท (ในแง่ปริมาณ) ซึ่งจะกำจัดคาร์บอนออกจากสิ่งแวดล้อมได้ 120,000 ตัน หรือเทียบเท่า 30% ของการปล่อยคาร์บอนจากเอสที สิงคโปร์ ในปี 2564 นั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญให้โรงงานและบริษัทบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้"
คุณสแตนลีย์ หวง (Stanley Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเอสพี กล่าวว่า "ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางเป็นโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมอนาคตคาร์บอนต่ำให้กับเมือง ชุมชน และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยในการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมสิงคโปร์นั้น เราได้คิดค้นโซลูชันนี้ขึ้น เพื่อช่วยให้โรงงานผลิตต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานมาก เช่น โรงงานเทคโนปาร์คของเอสทีไมโครอีเล็คโทรนิคส์ ลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้สอดรับกับกลยุทธ์ความยั่งยืนของตนได้ เราหวังใช้ชุดโซลูชันพลังงานที่มีความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์และระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในการร่วมงานกับเอสทีเพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"
เกี่ยวกับเอสพี กรุ๊ป
เอสพี กรุ๊ป (SP Group) เป็นกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก มอบโซลูชันพลังงานอัจฉริยะคาร์บอนต่ำเพื่อยกระดับอนาคตของพลังงานให้ลูกค้า บริษัทเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมดูแลธุรกิจส่งและจัดจำหน่ายไฟฟ้าและก๊าซในสิงคโปร์และออสเตรเลีย รวมถึงโซลูชันพลังงานที่มีความยั่งยืนในสิงคโปร์ จีน และเวียดนาม
ในฐานะผู้ควบคุมดูแลกริดของสิงคโปร์ ลูกค้าภาคอุตสาหกรรม พาณิชย์ และครัวเรือนราว 1.6 ล้านราย ได้ประโยชน์จากบริการส่ง จัดจำหน่าย และบริการสนับสนุนระดับเวิลด์คลาสของบริษัท เครือข่ายเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือและคุ้มค่ามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
นอกเหนือจากบริการสาธารณูปโภคทั่วไปแล้ว เอสพี กรุ๊ป ยังให้บริการโซลูชันพลังงานหมุนเวียนที่มีความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นไมโครกริด ระบบทำความเย็นและทำความร้อนสำหรับย่านธุรกิจและชุมชนที่อยู่อาศัย โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ โซลูชันชาร์จเร็วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และโซลูชันพลังงานดิจิทัลสำหรับลูกค้าในสิงคโปร์และทั่วภูมิภาค
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ spgroup.com.sg หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊ก fb.com/SPGroupSG, ลิงด์อิน spgrp.sg/linkedin และทวิตเตอร์ @SPGroupSG
เกี่ยวกับเอสทีไมโครอีเล็คโทรนิคส์
เอสทีมีบุคลากรมากความสามารถราว 48,000 ราย ที่คอยคิดค้นและสร้างสรรค์เทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์เบื้องหลังซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์ พร้อมโรงงานผลิตที่มีความก้าวล้ำ เอสทีเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิสระ โดยทำงานกับลูกค้ากว่า 200,000 ราย และพันธมิตรกว่าหลายพันรายในการออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และระบบนิเวศที่ช่วยจัดการปัญหาท้าทายและโอกาสต่าง ๆ พร้อมสนับสนุนโลกให้ยั่งยืนกว่าเดิม เทคโนโลยีของเราส่งเสริมการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด บริการจัดการไฟฟ้าและพลังงานได้ดีกว่าเดิม และนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) และ 5G ไปใช้ในวงกว้างได้ เอสทีมีความมุ่งมั่นในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2570 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.st.com
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ในสิงคโปร์ ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางกำลังเป็นที่นิยมในการใช้เป็นโซลูชันล้ำสมัย เพื่อปรับเปลี่ยนระบบทำความเย็นส่วนในอาคารและทำให้ระบบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้น พร้อมลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในคราวเดียวกัน โซลูชันดังกล่าวรวมการผลิตน้ำเย็นไว้ที่ส่วนกลาง และส่งนำเย็นตามท่อไปยังอาคารต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อใช้ในการปรับอากาศและทำความเย็นให้กับกระบวนการต่าง ๆ ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางให้คุณประโยชน์ 4 ด้านด้วยกัน ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพลังงาน ลดต้นทุนในการทำความเย็น เพิ่มพื้นที่เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าได้มากขึ้น และลดการปล่อยคาร์บอน