ดาร์มสตัดท์, เยอรมนี, 24 มิ.ย. 2065 /PRNewswire/ -- เมอร์ค (Merck) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ประกาศว่า ธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ของบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูง (high-potent active pharmaceutical ingredient หรือ HPAPI) เป็นเท่าตัว ผ่านการขยายโรงงานเมืองเวโรนา ใกล้กับเมืองแมดิสัน รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา โรงงานแห่งใหม่มีมูลค่า 59 ล้านยูโร และมีพื้นที่ 70,000 ตารางฟุต ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ และเพิ่มการจ้างงานใหม่ถึง 50 ตำแหน่ง
เดิร์ก แลนจ์ (Dirk Lange) หัวหน้าฝ่ายบริการธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ของเมอร์ค กล่าวว่า "สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูงเป็นที่ต้องการมากขึ้น เพราะมีประสิทธิภาพในการต่อต้านมะเร็งโดยใช้ปริมาณที่น้อยลง และเทรนด์การรักษามะเร็งแบบเฉพาะจุด การลดขนาดยาในการรักษานั้นช่วยลดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์สำหรับผู้ป่วยที่กำลังสู้กับโรคร้าย" และเพิ่มเติมว่า "การเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตที่โรงงานรับจ้างพัฒนาและผลิตที่ล้ำสมัยในเมืองเวโรนา รัฐวิสคอนซิน จะช่วยให้เราตอบสนองความต้องการส่วนประกอบในการรักษามะเร็งที่สำคัญเหล่านี้ได้"
มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลก[1] สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูงเป็นองค์ประกอบสำคัญของการรักษาแบบเฉพาะจุด เนื่องจากความสามารถในการทำลายเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงโดยใช้ปริมาณน้อย ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีผลข้างเคียงลดลง ตลอดจนใช้งานในการรักษามะเร็งแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงยาชีววัตถุรักษามะเร็ง (antibody-drug conjugate หรือ ADC) ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ในการรักษามะเร็ง
เมอร์คได้พัฒนาสารที่มีความซับซ้อน ออกฤทธิ์สูง และหลายขั้นตอนมาเป็นเวลากว่า 30 ปี และยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการพัฒนาและผลิตสารเหล่านี้ สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูงจำเป็นต้องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการผลิตและการจัดการแบบเฉพาะด้าน ซึ่งช่วยปกป้องความปลอดภัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อม การรักษาที่มีศักยภาพอีกมากมายยังไม่เคยออกสู่ตลาด ส่วนหนึ่งเนื่องมากจากข้อกำหนดด้านการจัดการที่เฉพาะเจาะจง โรงงานเมืองเวโรนา รัฐวิสคอนซิน ของเมอร์คเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ของโลกที่ได้รับการรับรองเซฟบริดจ์ (SafeBridge®) และบริษัทยังคงเดินหน้าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการควบคุมที่เข้มงวดซึ่งจำเป็นจนถึงทุกวันนี้ การขยายโรงงานครั้งนี้ทำให้เมอร์คกลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรับจ้างพัฒนาและผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีค่าขีดจำกัดที่ยอมให้สัมผัสได้ในขณะปฏิบัติงาน (occupational exposure limit) ในระดับหน่วยนาโนกรัมเลขหลักเดียว โดยสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูงที่ออกฤทธิ์มากที่สุดนั้นเมื่อวัดแล้วก็ให้ค่าไม่ถึง 10 นาโนกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูงในระดับหน่วยนาโนกรัมนี้ต้องอาศัยการจัดการที่เชี่ยวชาญที่เฉพาะด้าน ซึ่งสะท้อนผ่านการกำหนดค่า OEL
นอกจากการผลิตสารออกฤทธิ์สูงทางเภสัชกรรมแล้ว เมอร์คยังมีประสบการณ์อันโชกโชนในการพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุ ในฐานะโรงงานรับจ้างพัฒนาและผลิตแห่งแรกที่ผลิตยาชีววัตถุที่ได้รับการอนุมัติเชิงพาณิชย์ในอเมริกาเหนือ บริษัทเพิ่งเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่เพื่อพัฒนาการรักษาด้วยยาชีววัตถุ โดยเทคโนโลยีอันโดดเด่นของเมอร์คอย่างเชโตเซนซาร์ (ChetoSensar™) ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติการละลายของยาชีววัตถุ ขณะที่แพลตฟอร์มโดลคอร์ (DOLCORE™) ใหม่ของเมอร์คช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาและการผลิตได้อย่างมาก เพิ่มความเร็วในการตอบสนองตลาดได้สูงสุดหนึ่งปี และส่งมอบการรักษาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยได้เร็วขึ้นในท้ายที่สุด
ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในการพัฒนาและผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมศักยภาพสูง ตัวเชื่อม และโมโนโคลนอลแอนติบอดี (mAbs) เมอร์คได้ส่งมอบความเชี่ยวชาญที่สำคัญทั้งในด้านการผลิตทางคลินิกและเชิงพาณิชย์ บริษัทยังมีประสบการณ์อันโชกโชนในการเป็นองค์กรรับพัฒนาและผลิตตามสัญญาในด้านการผลิตไวรัสเวคเตอร์ ลิพิด แอลเอ็นพี (LNP) และเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ตั้งแต่พรีคลินิกไปจนถึงจัดจำหน่าย ซึ่งช่วยยกระดับขั้นตอนของการพัฒนาและการผลิตยาจากพันธมิตรที่มีประสบการณ์สูง นอกจากนี้ บริการรับจ้างทดสอบอย่างไบโอรีไลแอนซ์ (BioReliance® ) ยังถูกผนวกรวมเข้ากับข้อเสนอบริการโดยรวม เพื่อยกระดับเส้นทางการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ข่าวประชาสัมพันธ์ของเมอร์คทั้งหมดได้รับการเผยแพร่ผ่านทางอีเมลในเวลาเดียวกับที่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของเมอร์ค กรุณาเข้าไปที่ www.merckgroup.com/subscribe เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกบริการนี้
เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ โดยมีการดำเนินงานครอบคลุมด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และอิเล็กทรอนิกส์ พนักงานประมาณ 60,000 คนของบริษัทต่างทุ่มเทในการสร้างความแตกต่างที่ดีต่อชีวิตของผู้คนหลายล้านคนในทุก ๆ วัน ด้วยการนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตที่มีความสุขและยั่งยืนยิ่งขึ้น เมอร์คเป็นทั้งผู้พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีน ไปจนถึงการเสาะหากลวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ท้าทายที่สุด ตลอดจนการคิดค้นอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยในปี 2564 เมอร์คทำยอดขายได้ 1.97 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ
การสำรวจทางวิทยาศาสตร์และการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คือหัวใจหลักในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเมอร์ค ทั้งยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเมอร์คนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2211 ปัจจุบัน ครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมอร์คครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์เมอร์คทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ของเมอร์คดำเนินงานภายใต้ชื่อ มิลลิพอร์ซิกมา ในวงการชีววิทยาศาสตร์ , อีเอ็มดี เซโรโน ในวงการดูแลสุขภาพ และอีเอ็มดี อิเล็กทรอนิกส์
1 "Global Cancer Facts & Figures 4th Edition, https://www.cancer.org/content/dam/cancer-org/research/cancer-facts-and-statistics/global-cancer-facts-and-figures/global-cancer-facts-and-figures-4th-edition.pdf
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/1845670/Verona_expansion_image.jpg?p=medium600