ปักกิ่ง--12 สิงหาคม 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
อำเภอหลิงฉิว ในเมืองต้าถง มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน อาศัยการทำเกษตรอินทรีย์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการผลักดันการพัฒนาคุณภาพสูงในชนบท
ชุมชนเกษตรอินทรีย์เชอเหอในอำเภอหลิงฉิว เมืองต้าถง มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน (ภาพโดย เจีย ชุนเปียว)
การประชุมเกษตรอินทรีย์นานาชาติ ชุมชนเชอเหอ เมืองต้าถง ประเทศจีน (China Datong Chehe International Organic Agriculture Forum) ครั้งที่ 9 ได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ เมืองต้าถงในมณฑลซานซี ภายใต้หัวข้อ "เกษตรอินทรีย์ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงในชนบท"
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการแถวหน้าเกือบ 100 คนทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ ได้มารวมตัวกันทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในอนาคต
งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2557 และประสบความสำเร็จตลอดการจัดงาน 8 ครั้งที่ผ่านมา
คุณอ้าย หลิงอวี้ รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองต้าถง กล่าวในพิธีเปิดงานว่า จำเป็นต้องใช้จุดแข็งของเวทีการประชุมนี้อย่างเต็มที่ พร้อมกับเดินหน้าปรับปรุงระบบการผลิต ระบบนโยบาย และระบบการตลาดของสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมให้ "อาหารออร์แกนิกต้าถง" เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศและขยายไปยังตลาดต่างประเทศ
นับตั้งแต่ปี 2556 อำเภอหลิงฉิวได้สำรวจแนวทางใหม่ในการพลิกโฉมและพัฒนาการเกษตร โดยยึดเกษตรอินทรีย์เป็นภารกิจหลักและเป้าหมายของการพัฒนา
ขณะเดียวกัน อำเภอหลิงฉิวได้ใช้รูปแบบการพัฒนาที่ผสมผสานเกษตรอินทรีย์ ทิวทัศน์ชนบทที่สวยงาม และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยได้มีการสร้างชุมชน 6 แห่งที่มีเกษตรอินทรีย์เป็นหัวใจสำคัญ
ชุมชนเกษตรอินทรีย์เชอเหอ ซึ่งเป็นต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ระดับหมู่บ้านแห่งแรกในอำเภอหลิงฉิว มีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 2,300 หยวน ในปี 2556 เป็น 21,500 หยวน ในปี 2563
หลังจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนานเกือบทศวรรษ อำเภอหลิงฉิวมีพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์เกือบ 100,000 หมู่ (mu) (ราว 66.67 ตารางกิโลเมตร) มีผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ที่ได้รับการรับรอง 54 รายการ และมีผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์กว่า 30 ราย
ทั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมการประชุมต่างเชื่อมั่นว่าเกษตรอินทรีย์จะมีบทบาทเชิงบวกในการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางอาหาร รวมถึงช่วยเพิ่มรายได้ของชาวบ้านในชนบทอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยยกระดับความมั่นคงของสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศ
ลิงก์ข่าวต้นฉบับ: https://en.imsilkroad.com/p/329422.html