ปักกิ่ง--10 มีนาคม 2566--พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
ในการประชุมครั้งแรกของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ชุดที่ 14 ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของประเทศจีน มีผู้แทนเข้าร่วม 2,977 คนจากหลากหลายสาขาอาชีพและภูมิหลัง โดยในจำนวนนี้ 281 คนมาจากกองทัพ ซึ่งถือเป็นสมาชิกสภากลุ่มใหญ่ที่สุดในการประชุมปีนี้
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำของจีน เข้าร่วมการประชุมใหญ่ของคณะผู้แทนจากกองทัพ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติเป็นประจำทุกปี เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นทางทหาร
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ของคณะผู้แทนจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (Chinese People's Liberation Army) และกองกําลังตํารวจติดอาวุธประชาชนจีน (People's Armed Police Force) ในระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ชุดที่ 14 ครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งเป็นการเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งที่ 11 ของเขา โดยเขาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับการเสริมสร้างยุทธศาสตร์ชาติแบบบูรณาการและความสามารถเชิงยุทธศาสตร์
นายสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่า การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องอาศัยแรงผลักดันจากการปฏิรูปและนวัตกรรม พร้อมเรียกร้องให้เร่งดําเนินการในเรื่องนี้ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น
เสริมสร้างความสามารถทางยุทธศาสตร์
ในรายงานต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จีนได้ประกาศว่าจะยกระดับการป้องกันประเทศและกองทัพให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
รายงานระบุว่า จีนจะเพิ่มขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ของกองทัพเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของจีน ตลอดจนสนับสนุนให้กองทัพสามารถบรรลุภารกิจและปฏิบัติการต่าง ๆ ในยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการประชุมใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง กล่าวว่า การรวบรวมและเสริมสร้างยุทธศาสตร์ชาติแบบบูรณาการและความสามารถทางยุทธศาสตร์ มีความสําคัญอย่างยิ่งในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ในทุกด้าน และเดินหน้าฟื้นฟูชาติจีนอย่างยิ่งใหญ่ในทุกด้าน ตลอดจนบรรลุเป้าหมายแห่งศตวรรษของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนในปี 2570 และยกระดับกองทัพสู่มาตรฐานโลกให้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีจีนได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถยุทธศาสตร์ชาติสู่ระดับสูงสุด โดยเรียกร้องให้เพิ่มความพยายามในการบูรณาการเค้าโครงยุทธศาสตร์ ทรัพยากร และจุดแข็งในทุกด้าน เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งโดยรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ ปกป้องผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ และบรรลุวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์
นายสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้พัฒนานวัตกรรมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นนวัตกรรมที่เป็นอิสระและเป็นต้นฉบับ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการพึ่งพาตนเองในระดับสูงและความแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เขาเน้นย้ำว่า ความสามารถทางยุทธศาสตร์ในสาขาที่เกิดใหม่จะต้องได้รับการสนับสนุน เพื่อแสวงหาข้อได้เปรียบใหม่ ๆ ในการพัฒนาประเทศและการแข่งขันระหว่างประเทศ รวมทั้งจะต้องยกระดับความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานด้วย
ก่อนการแถลงต่อที่ประชุม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้แทนกองทัพ 6 นาย ที่นำเสนอเรื่องขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีกลาโหม การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการให้ความรู้ด้านการป้องกันประเทศแก่ประชาชน
ในโอกาสนี้ นายสี จิ้นผิง ได้สั่งให้มีการประสานงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลัก เร่งเสริมสร้างกำลังสำรอง และพัฒนากำลังสำรองให้มีความสามารถมากขึ้นในการปกป้องความมั่นคงของชาติ