omniture

การฟ้องร้องครั้งใหม่: แผนทุจริตกระทบแบรนด์ซูเปอร์คาร์หรู "เด โทมาโซ"

Boies Schiller Flexner LLP
2023-05-26 12:47 148

บอยส์ ชิลเลอร์ รับหน้าที่ตัวแทนอดีตผู้บริหารค่ายยานยนต์ ยื่นฟ้องนักการเงินฮ่องกง

นิวยอร์ก, 26 พฤษภาคม 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย เด โทมาโซ ออโตโมบิลี โฮลดิงส์ เอ็น.เอ. แอลแอลซี (De Tomaso Automobili Holdings N.A. LLC) พร้อมด้วยผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ ซัง-ฟัง "นอร์แมน" ชอย (Sung-Fung "Norman" Choi) และพวก ต่อศาลรัฐบาลกลางนิวยอร์ก (New York Federal Court) รอบใหม่ สะเทือนอาณาจักรซูเปอร์คาร์หรูรุ่นลิมิเต็ดมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ โดยโจทก์ ไรอัน เบอร์ริส (Ryan Berris) กล่าวผ่านตัวแทนคือ บอยส์ ชิลเลอร์ เฟล็กซ์เนอร์ แอลแอลพี (Boies Schiller Flexner LLP) ว่า ตนได้รับมอบหมายจากชอยให้ช่วยนำแบรนด์เด โทมาโซ กลับสู่คืนวันอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์หรูที่มีชื่อเสียง แต่ท้ายที่สุด เขากลับโดนหลอกและบังคับให้ต้องออกจากตำแหน่งเจ้าของร่วม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เพื่อเปิดทางให้ชอยวางระบบแผนฉ้อโกงต่อไป

การกลับมาของเด โทมาโซ ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับเวิลด์คลาสกลายเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งในอุตสาหกรรมรถอีลีตสปอร์ตคาร์รอบทศวรรษที่ผ่านมา นำโดยบุคคล 2 คนด้วยกันคือ ไรอัน เบอร์ริส และนอร์แมน ชอย สำหรับเบอร์ริสเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงด้านการตลาดและการพัฒนาแบรนด์ให้กับแบรนด์ยานยนต์หรูเหนือระดับมากมาย และได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดังกล่าว ประกอบกับเครือข่ายช่างฝีมือ นักออกแบบ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญในการกลับมาของเด โทมาโซ ขณะที่ชอยนั้นว่ากันว่าเป็นนักการเงินจากฮ่องกงที่พยายามเข้ามาดำเนินธุรกิจยานยนต์ด้วยการเข้าซื้อแบรนด์ที่เลิกกิจการแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งชอยได้รู้จักกับเบอร์ริส

"ผมทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการกอบกู้เด โทมาโซ สร้างรถซูเปอร์คาร์ที่เหนือกาลเวลา และยังมอบโอกาสให้กับคนอื่น ๆ" เบอร์ริสกล่าว "ผมทำให้เด โทมาโซ กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก เพียงเพื่อที่จะพบว่า พลังกายและจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้ประกอบการของผมถูกนำไปหาประโยชน์ ขณะที่แบรนด์ในตำนานกำลังถูกผู้ไม่หวังดีขโมยไป"

ความพยายามอย่างแท้จริงของเบอร์ริสโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยสามารถกอบกู้แบรนด์เด โทมาโซ (พร้อมกับโมเดลเรือธงอย่าง P72) กลับมาจนได้ในที่สุด นับเป็นชัยชนะระดับนานาชาติ ในขณะที่เขาสามารถดึงพันธมิตรเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง และมีการว่าจ้างบุคลากรในเชิงกลยุทธ์ จนทำให้มียอดจองเกินจำนวนจากบรรดาลูกค้าระดับหัวกะทิ อย่างไรก็ตาม เบอร์ริสกล่าวว่า ศักยภาพที่แท้จริงของเด โทมาโซกลับถูกบ่อนทําลายจากการประพฤติมิชอบทางการเงินของชอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำกล่าวหานั้นระบุว่า ชอยมัวแต่หมกมุ่นที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านการระดมทุนในรูปแบบ SPAC โดยทุจริต และเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดโดยไม่ให้เบอร์ริสรู้ตัว กล่าวคือ จัดทำงบการเงินปลอมและหลอกหลวงกลุ่มลูกค้าหัวกะทิที่วางเงินจองซื้อรถยนต์ของเด โทมาโซแล้ว และไม่สามารถขอคืนเงินได้

"เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานของ ไรอัน เบอร์ริส แต่เพียงผู้เดียวในการชุบชีวิตเด โทมาโซให้กลับมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงระดับเวิลด์คลาสมูลค่ากว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ ที่มาพร้อมกับรายชื่อกองเชียร์และลูกค้าให้เป็นที่น่าอิจฉา แต่เขากลับได้รับเพียงเศษเสี้ยวของค่าตอบแทนที่มีสิทธิได้รับ ก่อนถูกกดดันให้ต้องออกจากบริษัทไปในที่สุด" จอห์น ที. แซ็ก (John T. Zach) ทนายความจากบอยส์ ชิลเลอร์ เฟล็กซ์เนอร์ แอลแอลพี กล่าว "ตามคำฟ้องนั้นกล่าวหาว่า นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนทุจริตของนอร์แมน ชอยและพวกเพื่อควบคุมมูลค่าของบริษัท เข้าทำรายการที่ไม่ใช่ธุรกรรมโดยเสรีทั่วไป (Non-arm's length) และนำเงินออกไป"

เมื่อเบอร์ริสค่อย ๆ พบแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ของชอย เขาเผชิญหน้ากับชอยจนทราบแน่ชัดว่า ชอยกำลังทำลายความพยายามมากมายที่เบอร์ริสทุ่มเทให้กับเด โทมาโซ ซ้ำร้ายกว่านั้น จากคำฟ้องยังกล่าวหาด้วยว่า ชอยหลอกลวงลูกค้าของบริษัทด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ขณะทำการตลาด อย่างไรก็ตาม ในคำฟ้องจะเน้นเรื่องความร่วมมือของชอยและพวกเพื่อไล่เบอร์ริสออก และคำขู่ว่าจะแก้แค้นหากเบอร์ริสเปิดเผยสิ่งที่ตนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เด โทมาโซมากกว่าประเด็นดังกล่าว

"ตามที่ระบุไว้ชัดแจ้งในคำฟ้อง จำเลยใช้ประโยชน์จากความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม เครือข่ายอันล้ำค่า และความเชี่ยวชาญด้านการตลาดของผมปกปิดเจตนาที่แท้จริงของจำเลย ซึ่งก็คือการได้รับประโยชน์โดยทุจริต แม้ว่านั่นหมายถึงความเสื่อมเสียชื่อเสียงของแบรนด์เด โทมาโซก็ตาม" เบอร์ริสกล่าวเสริม

สำหรับเบอร์ริสเคยร่วมงานกับสคูเดเรีย คาเมรอน กลิกเคนเฮาส์ (Scuderia Cameron Glickenhaus หรือ SCG) ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะเข้ามาช่วยปั้นอพอลโล ออโตโมบิล (Apollo Automobil) ให้กลายเป็นแบรนด์ไฮเปอร์คาร์ชั้นนำ ทำให้เขาได้รับการคาดหมายว่าจะยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องที่เด โทมาโซ อย่างไรก็ตาม เบอร์ริสกล่าวว่า ความประมาทเลินเล่อของชอยสร้างความเสียหายให้กับจุดแข็งสำคัญของแบรนด์เด โทมาโซที่สร้างขึ้นใหม่ในครั้งนี้ด้วยฝีมือและการออกแบบชั้นยอด และยังบอกด้วยว่าชอยไม่เคยมีเจตนารมณ์ที่จะลงทุนอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อการเติบโตของบริษัทแต่อย่างใด เขาเพียงต้องการเพิ่มมูลค่าและผลกำไรแบบจอมปลอมจากการฉ้อโกงเท่านั้น

การฟ้องร้องครั้งนี้เพื่อแสดงจุดยืนของเบอร์ริสที่ต้องการเปิดเผยการหลอกลวงของชอย และปกป้องแบรนด์และลูกค้าของเด โทมาโซ

คดีดังกล่าวมีชื่อว่า ไรอัน เบอร์ริส กับ เด โทมาโซ ออโตโมบิลี โฮลดิงส์ เอ็น.เอ. แอลแอลซี และพวก (Ryan Berris v. De Tomaso Automobili Holdings N.A. LLC, et. al.) คดีหมายเลข 1:23-cv-04305 ศาลชั้นต้นสหรัฐอเมริกา (United States District Court) นิวยอร์กใต้ (Southern District of New York) โดยมี จอห์น แซ็ก และเดวิด ไซมอนส์ (David Simons) จากบอยส์ ชิลเลอร์ เฟล็กซ์เนอร์ แอลแอลพี เป็นที่ปรึกษาให้เบอร์ริส

เกี่ยวกับบอยส์ ชิลเลอร์ เฟล็กซ์เนอร์

บอยส์ ชิลเลอร์ เฟล็กซ์เนอร์ แอลแอลพี (www.bsfllp.com) มีทนายความสำหรับดำเนินคดี ผู้จัดการเหตุวิกฤติ และที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีชื่อเสียงด้านการดำเนินการเชิงรุกที่มีความคิดสร้างสรรค์และได้ประสิทธิภาพเพื่อความสำเร็จของลูกความ ทนายความของเรามีประวัติเป็นที่ยอมรับในการคว้าชัยชนะให้กับบรรดาบริษัทอัจฉริยะระดับโลกในประเด็นที่มีความซับซ้อน เป็นเรื่องใหม่ และเป็นเรื่องราวระหว่างประเทศในสภาพแวดล้อมและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

Source: Boies Schiller Flexner LLP
Keywords: Legal issues Attorney/Lawsuit Investigation Legal Services