เจดดาห์, ซาอุดีอาระเบีย, 30 สิงหาคม 2566 /PRNewswire/ -- โรเชน กรุ๊ป (ROSHN Group) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบหลายกลุ่มสินทรัพย์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของซาอุดีอาระเบีย และโครงการขนาดใหญ่ในการดูแลของกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ได้ประกาศเปิดตัวโครงการชุมชนมาราฟี (MARAFY) ในวันนี้ โดยที่โครงการนี้จะเป็นการพัฒนาแบบผสมผสานเพื่อพลิกโฉมพื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองเจดดาห์ ซึ่งสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้มากถึง 13,000 คน และมีคลองขุดยาว 11 กิโลเมตรไหลผ่านตรงกลาง
โครงการชุมชนมาราฟีจะสร้างพื้นที่ริมน้ำบริเวณใหม่รอบ ๆ คลองขุด ซึ่งจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเจดดาห์ ซึ่งตัวลำคลองที่ขุดขึ้นนี้ สามารถล่องเรือผ่านได้ โดยมีความยาว 11 กิโลเมตร กว้าง 100 เมตร ซึ่งจะเชื่อมกับลำธารโอบูร์ ครีก (Obhur Creek) และล้อมรอบด้วยเขตที่มีเอกลักษณ์หลายแห่ง ถือเป็นคลองแรกที่สร้างขึ้นในซาอุดีอาระเบีย นับเป็นการพัฒนาแบบมิกซ์ยูสเต็มรูปแบบครั้งแรกของโรเชน
คุณเดวิด โกรเวอร์ (David Grover) ซีอีโอของโรเชน กรุ๊ป ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศดังกล่าวว่า "โครงการนี้เป็นโครงการหลักสำหรับเรา เพราะเป็นโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ที่จะได้นำเสนอการพัฒนาขนาดใหญ่เช่นนี้สู่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โครงการมาราฟีนี้จะเปลี่ยนเกมในภาคการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยกระดับการพัฒนาในภูมิภาค ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และสร้างผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองเจดดาห์" เขากล่าวเสริมว่า "ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่ได้ประกาศเปิดตัวโครงการมาราฟี ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของเราทางตอนเหนือของเมืองเจดดาห์ นี่เป็นหนึ่งในโครงการที่โดดเด่น ซึ่งจะทำให้เมืองเจดดาห์อยู่บนแผนที่ของจุดหมายปลายทางระดับโลกในทุกด้าน และเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนช่วยให้บรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์แห่งปี 2573 (VISION 2030) ในการสร้างชุมชนที่มีชีวิตชีวาและเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง"
คลองขุดในโครงการมาราฟีจะสร้างพื้นที่ริมน้ำที่มีขนาดพอ ๆ กับชิคาโก สตอกโฮล์ม ฮัมบูร์ก และเซ็นทรัลลอนดอน โดยนำสภาพแวดล้อมทางทะเลมาสู่ใจกลางเมืองเจดดาห์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ในการรองรับทั้งเหล่าพ่อค้า นักเดินทาง และผู้แสวงบุญมานานหลายศตวรรษ โครงการมาราฟีจะสร้างชีวิตใหม่ให้กับเมืองเจดดาห์ โดยสร้างทางเดินน้ำในเมืองเพื่อเชื่อมต่อบ้านเรือนและชุมชนเข้ากับธรรมชาติ การค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยยกระดับชีวิตให้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเมืองเจดดาห์ที่เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค ด้วยพื้นที่ที่อยู่อาศัย ร้านค้าปลีก ไลฟ์สไตล์ การพักผ่อน และความบันเทิงระดับโลกที่สร้างขึ้นเพื่อดึงดูดผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือน ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่โดดเด่นในเมืองเจดดาห์ในทันที
โครงการมาราฟีจะประกอบด้วยเขตที่แตกต่างกันหลายแห่ง แต่ละเขตมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงโครงการชุมชนอลารุส (ALAROUS) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบบูรณาการของโรเชนที่มีอยู่แล้ว โดยจะช่วยเร่งให้เมืองเจดดาห์กลายเป็นเมืองระดับโลก ในขณะเดียวกันก็เชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของเมืองด้วยส่วนหน้าอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบทางประวัติศาสตร์ของเมืองเจดดาห์ และรูปแบบที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งจะตีความบริบทเมืองร่วมสมัยใหม่ โดยผสมผสานพื้นที่ชุมชนที่น่าอยู่ในขณะที่ยังคงรักษาความเชื่อมโยงกับมรดกทางประวัติศาสตร์ของเมืองเจดดาห์ นอกจากนี้ ย่านริมน้ำที่มีความหลากหลายของโครงการมาราฟีจะเชื่อมต่อถึงกัน รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของเจดดาห์ ด้วยระบบขนส่งแบบหลายรูปแบบ โดยมีแท็กซี่น้ำ รถประจำทาง สถานีรถไฟใต้ดินสายสีแดงโดยเฉพาะ และคลองเชื่อมตรงไปยังสนามบินนานาชาติคิงอับดุลอาซิซ (King Abdulaziz International Airport)
การประกาศโครงการมาราฟีถือเป็นก้าวสำคัญของโรเชน กรุ๊ป ในฐานะโครงการขนาดใหญ่ ภายใต้การชี้นำของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย กลุ่มบริษัทได้น้อมรับคำสั่งในการก้าวขึ้นเป็นผู้พัฒนาสินทรัพย์หลายประเภท เพิ่มความเข้มข้นให้กับกิจกรรมของบริษัท และก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับประเทศในหลากหลายภาคส่วน เพื่อบรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์แห่งปี 2573
เกี่ยวกับโรเชน กรุ๊ป
โรเชน กรุ๊ป (ROSHN Group) เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบหลายกลุ่มสินทรัพย์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของซาอุดีอาระเบีย และเป็นโครงการขนาดใหญ่ในการดูแลของกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ซึ่งการพัฒนาแบบบูรณาการของโรเชนนั้นนำเสนอวิถีชีวิตแบบใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนจากสิ่งอำนวยความสะดวกในระยะที่เดินถึงได้ รวมถึงพื้นที่สีเขียว ศูนย์กีฬา ทางสำหรับจักรยาน และการใช้ชีวิตเสมือนอยู่ในโลกอนาคต โรเชน กรุ๊ป ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความยั่งยืน โดยโรเชนกำลังก่อสร้างในพื้นที่กว่า 200 ล้านตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ก่อนหน้านี้ โรเชนได้เปิดตัวชุมชนหลักขนาด 20 ล้านตารางเมตรในกรุงรียาด ซึ่งก็คือ โครงการชุมชนเซดรา (SEDRA) ในปี 2564 และส่งมอบบ้านได้สำเร็จก่อนกำหนด จึงกลายเป็นโครงการขนาดใหญ่โครงการแรกของราชอาณาจักรส่งมอบให้กับลูกค้าแล้ว นอกจากนี้ โรเชนได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการชุมชนอลารุส (ALAROUS) ขนาด 4 ล้านตร.ม. ในเจดดาห์ และประกาศการพัฒนาแบบบูรณาการอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการชุมชนวาเรฟา (WAREFA) ในรียาด (1.4 ล้านตร.ม.) และโครงการชุมชนอัลฟูลวา (ALFULWA) ในอัล อะห์ซา (10.8 ล้านตร.ม.) ซึ่งภายในปี 2573 นั้น โรเชนจะพัฒนาบ้าน 400,000 หลัง โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียน 1,000 แห่ง และมัสยิดมากกว่า 700 แห่ง โรเชนเป็นผู้นำระดับชาติในหลากหลายภาคส่วน ใช้แนวทางให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางในการสร้างความยั่งยืน มุ่งสู่ความเป็นเลิศขององค์กร และร่วมมือกับผู้ที่เก่งที่สุดในระดับเดียวกัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ ในการพัฒนากระแสหลัก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิถีชีวิตแบบใหม่ของโรเชนได้ที่ ROSHN.sa
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2196747/MARAFY_Red_Sea_destination.jpg?p=medium600