ซูโจว, จีน, 1 พฤศจิกายน 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม GCLSI (002506.SZ) เปิดเผยรายงานการเงินประจำไตรมาส 3 ปี 2566 ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลของ 3 ไตรมาสแรกเผยให้เห็นว่ามีรายได้มากถึง 1.287 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 97.43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทแม่อยู่ที่ 19.41 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 240.78% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะเดียวกัน เมื่อดูเฉพาะแค่ในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 520 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 93.40% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่กำไรสุทธิที่เป็นส่วนของบริษัทแม่เพิ่มเป็น 4.23 ล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 122.30% จากปีก่อนหน้า การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ GCLSI กลายมาเป็นบริษัทที่โดดเด่นในภาคธุรกิจนี้
คุณจาง คุน (Zhang Kun) ประธานบริหารของ GCLSI แสดงความคิดเห็นว่าในช่วง 3 ไตรมาสแรก บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดอย่างมีประสิทธิผล และการได้มาซึ่งโครงการจัดซื้อจัดจ้างส่วนประกอบจากบรรดารัฐวิสาหกิจที่สำคัญสูงสุดของประเทศอย่างต่อเนื่อง (รัฐวิสาหกิจซึ่งบริหารโดยรัฐบาลกลางโดยตรง) ซึ่งส่งผลให้มีการจัดส่งส่วนประกอบเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เร่งพัฒนากำลังการผลิตของโซลาร์เซลล์ N-type ประสิทธิภาพสูงในเมืองอู๋หู อันเป็นการเพิ่มทั้งปริมาณงานและความสามารถในการทำกำไรของห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ปัจจุบัน เฟสแรก (10 กิกะวัตต์) ของกำลังการผลิตโซลาร์เซลล์ 20 กิกะวัตต์ในเมืองอู๋หูมีการดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และกลายมาเป็นซัพพลายเออร์หลักให้กับโรงงานผลิตโมดูลใน GCLSI เหอเฟย์ และ GCLSI ฟู่หนิง ซึ่งสามารถรับประกันการผลิตตามคำสั่งซื้อโมดูล N-type ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โซลาร์เซลล์ที่ผลิตจำนวนมากในเมืองอู๋หูขณะนี้มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยเกิน 25.6% แล้ว ซึ่งขึ้นสู่ระดับผู้นำในกลุ่มผู้เล่นในอุตสาหกรรมแล้ว โดยผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมต่างก็เชื่อว่า การผลิตที่ครอบคลุมของโรงงานอู๋หูช่วยเพิ่มขีดความสามารถแบบบูรณาการของ GCLSI ในด้านโซลาร์เซลล์และโมดูลได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการปรับปรุงนี้ได้ช่วยให้บริษัทมีการทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นและมีเสถียรภาพในการดำเนินงาน พร้อมด้วยศักยภาพในการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรต่อไป
คุณจาง คุน ยังระบุด้วยว่า GCLSI จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์หลัก คว้าโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ N-type ตลอดจนผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยี N-type 4.0, HJT และ XBC ท่ามกลางเทคโนโลยีอื่น ๆ นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงพยายามลดต้นทุนในด้านการจัดการ การวิจัยและการพัฒนา การขาย และห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรับมือกับความผันผวนของอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
