หนิงโป, จีน, 22 มีนาคม 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 โมดูลไฮเปอร์ไอออน (Hyper-ion) แบบเฮเทอโรจังก์ชัน (HJT) ขนาด 700Wp+ ของบริษัทไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ (Risen Energy) ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทางด้านพลังงานและประสิทธิภาพของโมดูล รวมถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการผลิตพลังงานสูงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ ทำให้โมดูลเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าทั่วโลก ปัจจุบัน โมดูลไฮเปอร์ไอออน ได้ถูกส่งออกไปยังเกือบ 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยมีปริมาณการจัดส่งน้ำหนักสุทธิรวมแล้วมากกว่า 3GW ขณะเดียวกัน ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในโครงการความคิดริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) โดยโมดูลไฮเปอร์ไอออนไม่เพียงแต่เข้าถึงตลาดเซลล์แสงอาทิตย์ (PV) ที่เติบโตเต็มที่ในยุโรปและละตินอเมริกา แต่ยังขยายไปยังประเทศต่าง ๆ ตามโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งรวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรต ปากีสถาน อิสราเอล อิรัก อินโดนีเซีย เยเมน และอื่น ๆ ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ยังมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความมีอิทธิพลของแบรนด์ไปพร้อมกัน
นวัตกรรมเป็นแรงผลักดันหลักเบื้องหลังการพัฒนาอย่างมั่นคงของไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ ตลอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ HJT นั้น ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ได้สร้างแบบจำลองการวิจัยและพัฒนาแบบบูรณาการนวัตกรรมใหม่สำหรับเทคโนโลยี HJT ตั้งแต่วัสดุซิลิคอนไปจนถึงโมดูลต่าง ๆ จนกลายเป็นองค์กรแรกในอุตสาหกรรมที่ผลิตผลิตภัณฑ์ HJT ในปริมาณมากด้วยเทคโนโลยีซีโร่บัสบาร์ (Zero Busbar) แผ่นเวเฟอร์ซิลิคอนแบบบางเฉียบ การใช้แร่เงินน้อยกว่า 7mg/W และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไฮเปอร์ลิงก์ที่ปราศจากความเครียดทางกล ซึ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตผลิตภัณฑ์ไฮเปอร์ไอออนแบบเฮเทอโรจังก์ชันจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบัน ประสิทธิภาพเฉลี่ยของเซลล์แสงอาทิตย์ HJT Hyper-ion ของไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่ในการผลิตจำนวนมากนั้นเกินกว่า 25.8% โดยที่โมดูลมีกำลังมากกว่า 715Wp ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของกระบวนการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ HJT Hyper-ion และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ทั้งประสิทธิภาพการแปลงพลังงานและกำลังของโมดูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากความเห็นพ้องทั่วโลกเกี่ยวกับการลดคาร์บอนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์พลังงานทดแทนจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อดูจากสิ่งเหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE) และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงกำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ HJT ในฐานะที่เป็นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพการแปลงและการผลิตไฟฟ้าสูงสุดด้วยเทคโนโลยีซิงเกิ้ลจังก์ชัน ยังมีคุณลักษณะการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้เป็นเทคโนโลยีของตลาดที่มี LCOE ต่ำและมีความต้องการการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ โครงสร้างเซลล์ HJT ยังสร้างเซลล์แบบแทนเดมด้วยเพอร์รอฟสไกต์ (perovskite) ได้ง่ายกว่า โดยมีศักยภาพที่ดีเยี่ยมในการทำซ้ำทางเทคโนโลยีและโอกาสในการพัฒนาในวงกว้าง
ในอนาคตข้างหน้า ไรเซ่น เอ็นเนอร์ยี่จะดำเนินการอัปเกรดและทำซ้ำทางเทคโนโลยีในสาขาของ HJT ต่อไป โดยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับขีดความสามารถในการแข่งขันหลัก เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการอัปเกรดแบบก้าวกระโดด และเสริมศักยภาพลูกค้าทั่วโลกในการเร่งการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม