ผลิตภัณฑ์เสียงอันเป็นที่สุดจาก Nothing โดดเด่นด้วยการอัปเกรดอันน่าตื่นเต้นมากมาย
ลอนดอน, 19 เมษายน 2567 /PRNewswire/ -- Nothing ได้ประกาศวันนี้ภายในงาน Q1 Community Update ส่งตรงจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่รวม 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Nothing Ear และ Nothing Ear (a) ซึ่งจะเข้ามาวางรากฐานใหม่ให้กับชุดผลิตภัณฑ์เสียงจากทางแบรนด์ นอกจากนี้ Nothing ยังประกาศแผนยกระดับประสบการณ์ในการใช้งานโดยรวมด้วยการนำ ChatGPT มาใช้กับผลิตภัณฑ์เสียงและสมาร์ตโฟนเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรม
ผลิตภัณฑ์เสียงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Nothing คือสุดยอดของความประณีตในการออกแบบและงานวิศวกรรมตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มอบประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียมให้กับผู้รักเสียงเพลงและผู้ฟังในชีวิตประจำวัน บริษัทฯ ได้นำหมายเลขผลิตภัณฑ์บนตัวผลิตภัณฑ์เสียงออกไป เพื่อเน้นไปที่ตัวผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ในการใช้งานเป็นหลัก โดย Nothing Ear ได้สร้างขึ้นมาสำหรับผู้รักเสียงเพลงที่กำลังมองหาคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ในขณะที่ Nothing Ear (a) เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาคู่หูเพื่อให้ได้เสียงขั้นสุดยอดในแต่ละวัน
"เราได้นำ ChatGPT มาใช้กับหูฟังของ Nothing รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุดของเราอย่าง Nothing Ear และ Nothing Ear (a) เสริมด้วย Nothing OS โดยเราได้เริ่มก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงแล้ว และยังมีอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" คุณคาร์ล เพ่ย (Carl Pei) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nothing กล่าว "และเช่นเคย เราหวังว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชนของเรา"
Nothing Ear - ให้เสียง ที่เหนือชั้นกว่าเดิม
Nothing Ear เป็นการนำรุ่น Ear (2) มาต่อยอด โดยยังคงใช้การออกแบบเอียร์บัดโปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์ของ Nothing และพัฒนาให้ดีกว่าเดิม เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุดที่ทางบริษัทฯ มอบให้ได้ โดยให้เสียงที่เต็มอิ่มยิ่งขึ้นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน
เสียง
Nothing Ear ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้รักเสียงเพลง มาพร้อมระบบไดรเวอร์ที่ทันสมัยที่สุดจาก Nothing ด้วยไดรเวอร์ไดนามิก 11 มม. แบบคัสตอม ใช้วัสดุระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบเสียงที่สมจริงและชัดเจนที่สุด รวมถึงไดอะแฟรมเซรามิกเพื่อความสมบูรณ์และเสียงสูงที่คมชัดยิ่งขึ้น Nothing ได้ปรับปรุงการออกแบบแชมเบอร์คู่จากรุ่น Ear (2) ด้วยช่องระบายอากาศเพิ่มอีก 2 ช่องเพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ จึงให้เสียงที่คมชัดยิ่งขึ้น
Nothing Ear รองรับตัวแปลงสัญญาณ LHDC 5.0 และ LDAC เพื่อให้สตรีมความละเอียดสูงผ่านบลูทูธได้ ทำให้ได้เสียงที่บริสุทธิ์และทรงพลัง Ear รองรับได้สูงสุดถึง 1 Mbps 24 bit/192 kHz ด้วย LHDC 5.0 (ตัวแปลงสัญญาณเสียงความละเอียดสูงโดยมีความหน่วงต่ำ) และสูงสุด 990 kbps และความถี่สูงสุด 24 bit/96 kHz ด้วย LDAC
ส่วนอีควอไลเซอร์ขั้นสูงของ Nothing เปิดโอกาสให้ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ผ่านอินเทอร์เฟซกราฟิกอันเรียบง่ายบนแอป Nothing X ผู้ใช้สามารถยกระดับประสบการณ์การฟังด้วย Q Factor และระบบควบคุมความถี่ รวมถึงสร้างโปรไฟล์แยกสำหรับแต่ละแนวเพลง โดยเมื่อสร้างโปรไฟล์เสียงส่วนตัวบนแอป Nothing X แล้ว ข้อมูลที่บันทึกไว้จะถูกใช้แบบเรียลไทม์ เพื่อปรับระดับอีควอไลเซอร์ตามผลทดสอบการได้ยิน
ระบบ ANC
Nothing Ear มาพร้อมขุมพลังตัดเสียงรบกวนที่ชาญฉลาดและทรงพลังมากที่สุดของ Nothing โดยอัลกอริทึม Smart ANC ใหม่นี้จะคอยเช็คการรั่วไหลของเสียงรบกวนระหว่างตัวหูฟังกับช่องหู และเพิ่มการตัดเสียงรบกวนตามที่คำนวณมาได้ Nothing Ear ยังคำนึงถึงสิ่งรบกวนที่อยู่เบื้องหลังด้วย Adaptive ANC ซึ่งใช้ 1 ใน 3 ระดับการตัดเสียงรบกวนอย่างสูง ปานกลาง และต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อเสียงอยู่ที่ระดับ 45 dB หูฟังรุ่น Ear ตัดเสียงรบกวนได้เกือบสองเท่าของ Ear (2) ด้วยแบนด์วิดท์สูงถึง 5000 Hz ทำให้ Ear ตรวจจับและลดเสียงที่ค่อนข้างซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สมรรถนะ
Nothing Ear มุ่งมั่นที่จะก้าวไปอีกขั้น โดยมีไดรเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่คัสตอมได้ ทำให้รองรับแบตเตอรี่ได้ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่ารุ่น Ear (2) ถึง 25% หรือใช้งานได้สูงสุด 40.5 ชั่วโมงหลังชาร์จเต็มด้วยกล่องชาร์จ หรือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุดนาน 8.5 ชั่วโมง ทั้งยังชาร์จเติมพลังได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Ear รองรับการชาร์จแบบไร้สายที่ 2.5W โดยเมื่อชาร์จเร็ว 10 นาทีก็ให้เวลาฟังได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมงเมื่อใส่เคส
Nothing Ear เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี Clear Voice ที่ล้ำสมัยที่สุดของ Nothing พร้อมไมโครโฟนแบบใหม่ ช่วยให้พูดได้อย่างไม่ติดขัด ทั้งยังเพิ่มแอร์เวย์ใหม่บนก้านเพื่อให้ลมไหลผ่านได้ดีขึ้น ซึ่งลดสัญญาณรบกวนลงได้ถึง 60% เมื่อเทียบกับรุ่น Ear (2)
ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ได้อย่างราบรื่นไร้สะดุดด้วยฟีเจอร์ Dual Connection ขณะที่โหมด Low Lag Mode ช่วยลดความล่าช้าของเสียงได้เมื่อเทียบกับการใช้งานปกติ ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางอื่นเพื่อให้เล่นเกมได้อย่างราบรื่น ทั้งยังบีบหูฟังเพื่อข้ามเพลง สลับโหมดตัดเสียงรบกวน และปรับระดับเสียงได้ด้วย
Nothing Ear (a) - พร้อมลุย
Nothing Ear (a) สร้างขึ้นเพื่อให้คนรักดนตรีเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน ด้วยการออกแบบที่สะดุดตาและเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนอันทรงพลัง จึงเป็นอุปกรณ์เสียงอันเป็นที่สุดสำหรับการใช้งานประจำวัน
ออกแบบในลอนดอน
Ear (a) ได้รับการออกแบบในลอนดอน ถือเป็นแฟชั่นที่โดดเด่นอย่างแท้จริง โดยมาพร้อมดีไซน์โปร่งใสแบบฉบับ Nothing แต่ออกแบบให้แปลกใหม่กว่าเดิมด้วยดีไซน์ฟองสบู่และสีเหลือง Ear (a) มาในรูปทรงที่นุ่มนวลและกรอบสี่เหลี่ยมเพรียวบาง ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่ออยู่ในกระเป๋าเหมือนกับที่อยู่ในฝ่ามือ
สีเหลืองมาแล้ว!
Ear (a) สีเหลืองเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Nothing ที่ไม่ใช่สีดำและสีขาว สีเหลืองไม่เพียงเติมเต็มความขี้เล่นในดีไซน์ของ Ear (a) ได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังเป็นสีที่ตามทฤษฎีแล้วสอดคล้องกับค่านิยมในเรื่องความโปร่งใสของ Nothing อีกด้วย ซึ่งหากย้อนกลับไปยังวิธีสร้างสีแล้ว ก็จะเหลือสีหลักไว้ วิธีการใช้สีที่พิถีพิถันเช่นนี้ทำให้ Nothing คิดค้น Ear (a) สีเหลืองขึ้นมา เพื่อมอบผลิตภัณฑ์เสียงที่สดใสและขี้เล่น
ระบบ ANC
Ear (a) อาศัยอัลกอริทึม Smart ANC ใหม่ของ Nothing คอยเช็คภายในช่องหูเพื่อหาเสียงรบกวน และเพิ่มการตัดเสียงรบกวนเพื่อปิดกั้นเสียงรบกวนให้ได้มากที่สุด โดย Adaptive ANC คอยตรวจจับสัญญาณรบกวนในสภาพแวดล้อมที่อยู่รายรอบ และใช้ระดับการตัดเสียงรบกวนสูง ปานกลาง หรือต่ำกับเสียงรบกวนรอบข้างโดยอัตโนมัติ
เมื่อเสียงอยู่ที่ระดับ 45 dB หูฟังรุ่น Ear (a) ตัดเสียงรบกวนได้เกือบสองเท่าของรุ่น Ear (2) ทั้งยังมีแบนด์วิดท์สูงถึง 5000 Hz ทำให้ Ear (a) ตรวจจับและลดเสียงที่ค่อนข้างซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสียง
ไดรเวอร์ใหม่ของ Ear (a) มอบพลังช่วงสั้นได้มากขึ้น 2.5 เท่า ซึ่งใช้ประโยชน์จากการออกแบบแชมเบอร์คู่สุดล้ำของ Nothing พลังที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ได้เสียงเบสที่ลึกและทรงพลังยิ่งขึ้น
Ear (a) ให้เสียงที่มีความละเอียด โดยได้รับการรับรองเสียงความละเอียดสูงแล้ว สามารถสตรีมเสียงความละเอียดสูงผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธได้สูงสุด 990 kbps ที่ 24 bit/96 kHz และรองรับตัวแปลงสัญญาณ LDAC* เพื่อให้สตรีมเสียงความละเอียดสูงผ่านบลูทูธได้
สมรรถนะ
Ear (a) มาพร้อมแบตเตอรี่ 500 mAh ในกล่องชาร์จ และแบตเตอรี่ 46 mAh ในหูฟังแต่ละข้าง ช่วยให้เล่นเพลงได้นานถึง 42.5 ชั่วโมงหลังชาร์จเต็มด้วยกล่องชาร์จ ทั้งยังชาร์จเติมพลังได้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อชาร์จเร็ว Ear (a) เพียง 10 นาทีก็ให้เวลาฟังได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมง (โดยใส่เคสและปิดระบบ ANC)
Ear (a) สลับกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันได้ 2 เครื่อง Ear (a) มาพร้อมโหมด Low Lag Mode เหมือนกับรุ่น Ear เพื่อช่วยลดความล่าช้าของเสียงเมื่อเทียบกับการใช้งานปกติ ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางอื่น ทั้งยังบีบหูฟังเพื่อข้ามเพลง สลับโหมดตัดเสียงรบกวน และปรับระดับเสียงได้ด้วย
ผนวกรวม ChatGPT
Nothing มีพันธกิจในการนำเอไอ (AI) มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค พร้อมลดความซับซ้อนและยกระดับประสบการณ์ในการใช้งาน Nothing จึงได้พัฒนาหูฟังของ Nothing และ Nothing OS ให้รองรับ ChatGPT เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ทันทีจากอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้บ่อยที่สุดอย่างหูฟังและสมาร์ตโฟน
การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้นี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Nothing OS เวอร์ชันล่าสุด และมี ChatGPT ติดตั้งในโทรศัพท์ Nothing บีบหูฟังเพื่อพูดกับเครื่องมือเอไอสำหรับผู้บริโภคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง ChatGPT ได้โดยตรงจากหูฟัง Nothing รวมถึงรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่อย่าง Ear และ Ear (a) นอกจากนี้ Nothing ยังขอยกระดับประสบการณ์ในการใช้สมาร์ตโฟน Nothing ใน Nothing OS โดยฝังจุดเข้าใช้งานระดับระบบลงใน ChatGPT รวมถึงการแชร์ภาพหน้าจอและวิดเจ็ตสไตล์ Nothing ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวได้ที่ nothing.tech
ราคาและการวางจำหน่าย
Ear และ Ear (a) เตรียมวางจำหน่ายในราคา 149 ดอลลาร์ / 129 ปอนด์ และ 99 ดอลลาร์ / 99 ปอนด์ ตามลำดับ และจะวางจำหน่ายก่อนบน nothing.tech โดยจะเปิดให้พรีออเดอร์ในวันที่ 18 เมษายน เวลา 11:30 น. ตามเวลา BST และจะเปิดให้ Click & Collect ได้ที่ Nothing Store Soho ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ก่อนที่จะเปิดขายบน nothing.tech และร้านค้าปลีกเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน
ในสหราชอาณาจักร ลูกค้าสามารถเลือกซื้อ Ear และ Ear (a) ได้ที่งาน Nothing Store Soho ในวันที่ 20 เมษายน ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสผลิตภัณฑ์เสียงใหม่ล่าสุดของ Nothing เป็นคนแรก ๆ
ที่ตั้ง: Nothing Store Soho, 4 Peter Street, Soho, London, W1F 0AD
เวลาทำการ: 11:00 - 16:00 BST
อ่านข้อมูลสเป็คและคุณสมบัติทั้งหมดได้ที่ nothing.tech ติดตามข้อมูลล่าสุดได้ทาง Nothing บน Instagram, TikTok และ X/Twitter
เกี่ยวกับ Nothing
Nothing ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ภายใต้แนวคิดการทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องสนุกอีกครั้งหนึ่ง โดยในเวลาเพียง 4 ปี Nothing ได้ขายผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 3 ล้านชิ้นทั่วโลก รวมถึง Phone (1) ซึ่งได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมด้านการออกแบบสมาร์ตโฟนประจำปี 2565 จากนิตยสารไทม์ (Time) บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอนแห่งนี้กำลังสร้างระบบนิเวศทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับผู้คนรุ่นใหม่และผู้มีความคิดสร้างสรรค์ด้วยการออกแบบและนวัตกรรมอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ล้ำสมัย
ในปี 2566 Nothing ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นที่สอง 2 รุ่น ได้แก่ ระบบเสียงอันทรงพลังอย่าง Ear (2) และสมาร์ตโฟนอันเป็นที่จับตามองอย่าง Phone (2) ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวสมาร์ตโฟนในสหรัฐ นอกจากนี้ยังเปิดตัวแบรนด์ย่อยอย่าง CMF by Nothing ที่มุ่งทำให้ทุกคนเข้าถึงการออกแบบที่ยอดเยี่ยมได้ โดยในเดือนมีนาคม 2567 Nothing ก็ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นที่สามอย่าง Phone (2a) อุปกรณ์อันทรงพลังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในแต่ละวัน ทุ่มสุดตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ด้วยความเชี่ยวชาญ วิศวกรรม และฝีมือของ Nothing
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Nothing ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดร่วมกับชุมชนซึ่งครอบคลุมนักลงทุนเอกชนมากกว่า 8,000 ราย โดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นสำคัญ
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2390919/Nothing_1.jpg?p=medium600