อิสตันบูล, 5 พ.ย. 2567 /PRNewswire/ -- Li Peng รองประธานอาวุโสและประธานฝ่ายขายและบริการไอซีทีของหัวเว่ย (Huawei) ได้กล่าวสุนทรพจน์หลักในการประชุม Global MBB Forum ประจำปี 2567 โดยได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับเทคโนโลยีอัจฉริยะในอุตสาหกรรมไอซีที และแนวทางในการตักตวงผลประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ เมื่อ AI เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตและการทำงานของเราในทุกมิติ
Li Peng, Huawei’s Corporate Senior Vice President and President of ICT Sales & Service delivered a Day 1 keynote speech at the Global MBB Forum 2024
คุณ Li เปิดเผยว่า ในยุค AI บนมือถือนี้ ความชาญฉลาดจะกลายเป็นบริการที่แพร่หลายไปทั่วโลก ซึ่งทุกคนจะใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยอุตสาหกรรมมือถือจะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับการโทรและอินเทอร์เน็ตมือถือ
ในยุคใหม่นี้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ในการสร้าง แบ่งปัน และใช้ข้อมูล การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะก่อให้เกิดปัญหาท้าทายใหม่ ๆ สำหรับเครือข่าย แต่ก็จะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่มหาศาลด้วย
อุปกรณ์ AI จะทำให้เกิดการตอบโต้รูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพ
ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า ภายในปี 2571 ทั่วโลกจะมีการส่งมอบสมาร์ตโฟน AI ทะลุหลัก 900 ล้านเครื่อง และจะมีอุปกรณ์แบบ AI-native ในตลาดมากกว่า 1,000 รุ่น
เราจะโต้ตอบกับอุปกรณ์เหล่านี้ในรูปแบบใหม่ ๆ มากมาย ทั้งเสียง ท่าทาง และแม้แต่อารมณ์ ประสบการณ์จะราบรื่นขึ้น และอุปกรณ์จะเข้าใจเราดีขึ้น ทำให้การโต้ตอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แว่นตา AI รุ่นใหม่สามารถอ่านริมฝีปากได้แม่นยำกว่า 95% ในสภาวะแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
นอกจากนี้ ตัวแทน AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและใช้ชีวิตของเรา โดยนำบริการอัจฉริยะไปทุกหนทุกแห่ง และขับเคลื่อนข้อมูลให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ภายในปี 2573 คนส่วนใหญ่จะมีตัวแทน AI ส่วนบุคคลคอยช่วยเหลือในบ้าน ที่ทำงาน และสำหรับการเดินทาง ผู้ช่วยเหล่านี้จะทำงานตลอดเวลา โดยสร้างและประมวลผลข้อมูลมากกว่า 10 เท่าของปัจจุบัน
ในภาคอุตสาหกรรมนั้น หุ่นยนต์ AI จะมีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตรวจสอบคุณภาพ และโลจิสติกส์ หุ่นยนต์แต่ละตัวจะประมวลผลข้อมูลมากกว่า 10 GB ต่อชั่วโมง โดยรวมแล้ว ภายในปี 2573 ตัวแทน AI จะประมวลผลข้อมูลมากกว่า 120 เท่าของปัจจุบัน
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของข้อมูลจาก AI จะเข้ามาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในแบบจำลองทราฟฟิก
ในแบบจำลองทราฟฟิกที่เห็นกันทั่วไปนั้น ข้อมูลจะไหลในทิศทางเดียว เช่น คอนเทนต์วิดีโอจากศูนย์ข้อมูลไปยังสมาร์ตโฟน ข้อมูลจะมีลักษณะทั่วไป และการไหลจะเป็นแบบเชิงเส้น
AI จะเปลี่ยนการไหลของข้อมูลนี้ โดยข้อมูลจะเป็นแบบเฉพาะบุคคลและไหลในหลายทิศทาง ยกตัวอย่างเช่น การฝึกอบรมแบบจำลองขนาดใหญ่นั้นต้องอาศัยการส่งข้อมูลแบบความเร็วสูงระหว่างศูนย์ข้อมูล ในขณะเดียวกัน แอปพลิเคชัน AI และ AIGC ต้องส่งข้อมูลระหว่างเอดจ์ คลาวด์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ทราฟฟิกตะวันออก-ตะวันตกจะเพิ่มขึ้น และแม้แต่การเชื่อมโยงแบบเมชระหว่างอุปกรณ์และโฮสต์ประเภทต่าง ๆ โดยการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในแบบจำลองทราฟฟิกนั้น ทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายจะมีความสำคัญมากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
หากเราหวังตักตวงผลประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในยุค AI มือถือ เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างใน 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ บริการเครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน การดำเนินงานและบำรุงรักษา และรูปแบบธุรกิจ
ก่อนอื่น คือด้านบริการ ผลิตภัณฑ์และบริการมือถือนั้นเป็นจุดเข้าถึงที่ดีสำหรับ AI เราจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับผู้บริโภครายบุคคลนั้น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถใช้ประโยชน์จากจุดสัมผัสทั่วไป เพื่อให้บริการอัจฉริยะ เช่น สำหรับการโทร ส่งข้อความ และบริการลูกค้า
5G New Calling เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ โดยผู้ให้บริการในจีนได้เปิดตัวบริการนี้ และสิ่งนี้ก็ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การโทรด้วยเสียง
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถใช้ AI สร้างอวตารดิจิทัลของตัวเองเพื่อใช้โทร แปลภาษาแบบเรียลไทม์ และแม้แต่ให้ผู้ช่วย AI ของตนจองนัดหมายต่าง ๆ
สำหรับสถานการณ์ในบ้าน เราช่วยให้บ้านอัจฉริยะมีความชาญฉลาดขึ้นด้วยตัวแทน AI โดยผู้ให้บริการรายหนึ่งได้เปิดตัว AI Box ที่รองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น การชมกีฬาแบบอินเทอร์แอคทีฟและฟิตเนส AI สำหรับทีวี ส่งผลให้การใช้งานทีวีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และ ARPU เพิ่มขึ้นถึง 28%
ส่วนนอกบ้านนั้น ผู้ให้บริการยังสามารถให้บริการเชื่อมต่อที่เสถียรและความเร็วสูงแก่ผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความอัจฉริยะ และรองรับการทำงานร่วมกันระหว่างรถยนต์กับคลาวด์ ซึ่งจะช่วยให้ได้ประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับ SME แล้ว ผู้ให้บริการสามารถมอบบริการและอุปกรณ์ AI ในราคาที่จับต้องได้
สำหรับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการสามารถผสานการเชื่อมต่อ การสร้างเครือข่าย และขีดความสามารถด้าน AI เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่ความอัจฉริยะ
ประการที่สอง เพื่อรองรับความต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายของบริการ AI เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย
เพื่อให้ได้ปฏิสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด ผู้ช่วย AI จำเป็นต้องมีความหน่วงไม่เกิน 300 มิลลิวินาที ซึ่งหมายความว่าค่าความหน่วงในอินเทอร์เฟซทางอากาศต้องไม่ถึง 20 มิลลิวินาที
ผู้ให้บริการสามารถสร้างเครือข่ายที่มุ่งเน้น AI ที่รองรับการเข้าถึงเชิงกำหนด การกำหนดตารางเวลาแบบยืดหยุ่น และ WAN แบบไร้การสูญเสีย เพื่อให้บริการเชื่อมต่อแบบออนดีมานด์ได้อย่างน่าเชื่อถือระหว่างคลาวด์ เอดจ์ และอุปกรณ์
ประการที่สาม เครือข่ายที่ซับซ้อนมากขึ้นหมายความว่า การดำเนินงานและบำรุงรักษาจะท้าทายมากขึ้นไปด้วย สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ AI สำหรับเครือข่ายเข้ามาช่วยได้
สำหรับการดำเนินการให้บริการนั้น ตัวแทน AI รองรับการจำลองข้อมูลหลายรูปแบบได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ให้บริการประเมินทรัพยากรเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้บริการใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น
สำหรับการบำรุงรักษาเครือข่าย ตัวแทน AI สามารถวางแผนและประสานงานได้อัตโนมัติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากซอฟต์แวร์ ในขณะเดียวกัน Copilot ยังช่วยให้วิศวกรภาคสนามระบุและซ่อมแซมปัญหาฮาร์ดแวร์ได้อย่างรวดเร็วด้วย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด AI บนมือถือเปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการก้าวให้ไกลกว่าทราฟฟิก และเริ่มสร้างรายได้จากประสบการณ์ เราจึงจำเป็นต้องปรับโมเดลธุรกิจของเราด้วย
ผู้ให้บริการในยุโรปกว่า 30 รายได้เปิดตัวแผนเครือข่ายมือถือตามความเร็ว เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับประกันประสบการณ์ได้
ผู้ให้บริการในจีนก็กำลังสำรวจหาแนวทางสร้างรายได้จากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยเช่นกัน ผ่านบริการที่นำ AI มาใช้ เช่น AI Box สำหรับบ้าน ไปจนถึงบริการ New Calling และโทรศัพท์เชื่อมต่อกับคลาวด์ เพื่อสร้างสรรค์ช่องทางใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้ จากพลังในการประมวลผล การจัดเก็บ และบริการแบบ VIP
สำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ให้บริการยังสามารถเรียนรู้จากรูปแบบบริการคลาวด์ และเปิดเผยความสามารถของเครือข่ายผ่าน API แบบเปิด ผู้ให้บริการสามารถสร้างรายได้จากความสามารถเหล่านี้ และบุกตลาด B2B2C
ผู้ให้บริการระดับแถวหน้าหลายรายในจีน ตะวันออกกลาง ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก กำลังก้าวนำไปข้างหน้า โดยได้ยืนยันความสามารถในการให้บริการ AI บนเครือข่ายไลฟ์ 5G-A ครอบคลุมสถานการณ์ที่หลากหลายสำหรับบุคคล บ้าน การเดินทาง และธุรกิจ
ในอนาคตข้างหน้านั้น มีสองสิ่งที่เราทำได้ เพื่อคว้าประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในยุค AI มือถือ
ประการแรก คือการเตรียมเครือข่ายให้รองรับ AI ซึ่งหมายถึงการเพิ่มความสามารถของเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอัปลิงก์ ค่าความหน่วง และความจุ
ประการที่สอง คือการใช้ AI สนับสนุนเครือข่ายที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อช่วยให้การดำเนินงานและบำรุงรักษาเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย และรับประกันประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อถือได้
คุณ Li กล่าวว่าโอกาสนั้นยิ่งใหญ่ และเวลาที่ดีที่สุดในการลงมือคือตอนนี้
หัวเว่ยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการและพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างเครือข่ายสำหรับ AI และ AI สำหรับเครือข่าย เมื่อรวมพลังกันแล้ว เราก็จะปลดล็อกมูลค่าใหม่ที่น่าตื่นเต้นได้