Economist Impact และ DP World เผยผลการศึกษาใหม่ พบซัพพลายเชนทั่วโลกถูกบีบให้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อการค้าโลกก้าวเข้าสู่ยุคใหม่

ประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดกำลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวกลางสำคัญ ในการบรรเทาความเสี่ยงทางการค้า และเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากความขัดแย้งทั่วโลก

ดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์, 21 มกราคม 2568 /PRNewswire/ -- บริษัท 3 ใน 4 แห่งทั่วโลกกำลังปรับโครงสร้างซัพพลายเชนครั้งใหญ่ โดยร่วมงานกับซัพพลายเออร์จำนวนมากขึ้นแทนที่จะน้อยลง เพื่อลดความเสี่ยงในภาวะการค้าโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อย ๆ

งานวิจัยที่เปิดเผยโดย Economist Impact และ DP World ในการประชุม World Economic Forum นั้น ชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญนี้ ซึ่งขับเคลื่อนโดยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจากนโยบาย 'อเมริกาต้องมาก่อน' ของรัฐบาลชุดใหม่ในสหรัฐอเมริกา

การศึกษา Trade in Transition ประจำปีครั้งที่ 5 ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารด้านซัพพลายเชนกว่า 3,500 คนทั่วโลก ผลการวิจัยเผยว่าบริษัทต่าง ๆ ถูกบีบให้ต้องรีบปรับตัว เพื่อรับมือกับการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และพันธมิตรทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ประเทศที่ถูกมองว่าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เช่น เวียดนาม เม็กซิโก อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือบราซิล กำลังก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ โดยผู้บริหารถึง 71% เห็นตรงกันว่า ประเทศเหล่านี้ช่วยบรรเทาความเสี่ยงทางการค้าได้ ขณะที่ 69% มองว่าประเทศเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขช่องว่างที่เกิดจากความขัดแย้งทั่วโลก

บริษัทประมาณ 40% กำลังเพิ่มการจัดหาวัตถุดิบจากสหรัฐฯ และอีก 32% กำลังใช้ระบบซัพพลายเชนแบบคู่ขนาน เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยการย้ายซัพพลายเชนไปยังประเทศพันธมิตร หรือ Friendshoring เป็นอีกกลยุทธ์เสริมที่มีบริษัทราว 34% เลือกใช้ เพื่อรับมือกับความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจของโลก

ความท้าทายทางเศรษฐกิจยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดย 33% ของผู้บริหารระบุว่าภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อและอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นความกังวลหลัก การใช้ประโยชน์จากศูนย์กลางที่เป็นกลาง การกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเออร์ และการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI มาใช้ ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ อยู่ในจุดที่ดีขึ้น ในการรับมือกับยุคที่ซับซ้อนทั้งด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ในการเปิดตัวรายงานดังกล่าวที่การประชุม World Economic Forum ณ เมืองดาวอสวันนี้ Sultan Ahmed bin Sulayem ประธานกรรมการและซีอีโอ DP World Group กล่าวว่า

"การค้าโลกในปัจจุบันซับซ้อนกว่าที่เคยเป็นมา ต้องทั้งคล่องตัว ยืดหยุ่น และล้ำสมัย ที่ DP World เราเสริมพลังให้ธุรกิจด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ความเชี่ยวชาญในระดับท้องถิ่น และเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้เติบโตในภูมิทัศน์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงท่ามกลางตลาดที่แตกแยกนี้ได้ งานวิจัยล่าสุดโดย Economist Impact นั้นให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับอนาคตของการค้าในยุคใหม่นี้ ด้วยงานวิจัยนี้ เราตั้งใจที่จะส่งเสริมการพูดคุย นวัตกรรมใหม่ ๆ และความยืดหยุ่นภายในระบบนิเวศซัพพลายเชนโลก เพื่อเสริมพลังให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้"

John Ferguson หัวหน้าฝ่ายโลกาภิวัตน์ใหม่ระดับโลก จาก Economist Impact กล่าวเสริมว่า

"ในปี 2568 และอนาคตอันใกล้นั้น การค้าโลกจะถูกหล่อหลอมโดย 3 พลังสำคัญ ได้แก่ ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคลื่นลูกใหม่ของ AI และระบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไม่ได้ถอยห่างจากการค้าระหว่างประเทศ แต่กำลังก้าวขึ้นมารับมือกับความท้าทาย บริษัทที่รักษาความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนจะได้เปรียบ และบริษัทที่ผสมผสานการบริหารความเสี่ยงกับการทดลองใช้ AI และการเปิดกว้างจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดที่จะประสบความสำเร็จในโลกาภิวัตน์บทใหม่นี้"

ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จริงและกลยุทธ์โดยละเอียด เพื่อความสำเร็จในภูมิทัศน์การค้าโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง คลิกที่นี่เพื่ออ่านรายงานฉบับเต็ม

เกี่ยวกับ DP World

DP World เปลี่ยนแปลงอนาคตของการค้าโลกเพื่อยกระดับชีวิตในทุกหนทุกแห่ง เราดำเนินงานในหกทวีปด้วยทีมพนักงานกว่า 100,000 คน ในการผสานโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกและความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น เพื่อส่งมอบโซลูชันห่วงโซ่อุปทานที่ราบรื่น ตั้งแต่ท่าเรือและเทอร์มินัล ไปจนถึงบริการทางทะเล โลจิสติกส์ และเทคโนโลยี เราใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเพื่อสร้างวิธีการที่ดีกว่าในการค้า ซึ่งลดการชะงักงันจากโรงงานไปจนถึงหน้าประตูของลูกค้า

เราทำให้การค้าไหลลื่น

PDF - https://mma.prnewswire.com/media/2601822/DP_World.pdf