เนื่องในโอกาสวันการศึกษาสากลนี้ (International Day of Education) องค์กร Education Cannot Wait ได้เปิดตัวรายงาน Global Estimates Report ฉบับใหม่ เพื่อส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความต้องการด้านการศึกษาที่เพิ่มสูงขึ้นจนเกินกว่าที่งบสนับสนุนการศึกษาจะรองรับได้
นิวยอร์ก, 24 มกราคม 2568 /PRNewswire/ -- จำนวนเด็กวัยเรียนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทั่วโลกและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามรายงาน Global Estimates Report ฉบับใหม่ที่เปิดเผยในวันนี้โดย Education Cannot Wait (ECW) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาในภาวะฉุกเฉินและวิกฤติระยะยาวของสหประชาชาติ รายงานฉบับนี้ระบุว่า จำนวนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นราว 35 ล้านคนในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะแตะที่ 234 ล้านคนภายในสิ้นปี 2567
ความขัดแย้งที่ซับซ้อนขึ้น ประกอบกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น กำลังคุกคามปัจจุบันและอนาคตของเด็กจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ รายงานระบุว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ได้แก่ ผู้ลี้ภัย เด็กพลัดถิ่นภายในประเทศ เด็กผู้หญิง และเด็กที่มีความพิการ
รายงานฉบับใหม่ชี้ให้เห็นว่าความช่วยเหลือด้านการศึกษาเพื่อมนุษยธรรมกำลังชะลอตัวลงหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมานานหลายปี สวนทางกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สัดส่วนของความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (ODA) ที่จัดสรรให้กับภาคการศึกษายังลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยองค์การสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันยังมีช่องว่างด้านการเงินถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในการบรรลุเป้าหมายด้านการศึกษาในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับล่างที่กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
Yasmine Sherif ผู้อำนวยการบริหารของ Education Cannot Wait กล่าวว่า "ในวันการศึกษาสากลนี้ เราขอส่งสัญญาณย้ำเตือนว่า เด็กหญิงและเด็กชายเกือบ 250 ล้านคนทั่วโลกที่อยู่ในภาวะวิกฤตกำลังถูกปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเงินทุนเพิ่มเติมจากผู้บริจาคทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อมอบโอกาสในการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่เด็กเหล่านี้สมควรได้รับ การปลดล็อกศักยภาพของพวกเขาให้เติบโตและกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ถือเป็นการลงทุนที่ทรงพลังที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อเร่งความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน"
รายงานเน้นย้ำว่าการเผชิญกับความขัดแย้งด้วยอาวุธ การพลัดถิ่นโดยถูกบังคับ ภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด และความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นภัยคุกคามระยะยาวต่อสุขภาพ การศึกษา และความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ภาวะวิกฤตกำลังทวีความรุนแรง แพร่กระจาย และเชื่อมโยงกันมากขึ้น ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จำนวนความขัดแย้งทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยมี 50 ประเทศที่เผชิญกับระดับความขัดแย้งในระดับรุนแรง สูง หรือปั่นป่วนในปี 2567
ภัยฉุกเฉินเงียบงันระดับโลก
รายงานระบุว่า มีเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตทั่วโลกจำนวน 234 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 85 ล้านคน (37%) ไม่ได้เข้าเรียนเลย และในจำนวนเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนนั้น:
วิกฤตที่ยืดเยื้อ 5 แห่ง ได้แก่ ซูดาน อัฟกานิสถาน เอธิโอเปีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และปากีสถาน เป็นต้นตอของจำนวนเด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียนเหล่านี้เกือบครึ่งหนึ่ง
เกือบหนึ่งในสามของเด็กวัยประถมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนั้นไม่ได้เข้าเรียน (52% เป็นเด็กผู้หญิง) ในขณะที่การเข้าถึงการศึกษาระดับมัธยมยังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่แพ้กัน โดย 36% ของเด็กวัยมัธยมต้น และ 47% ของเด็กวัยมัธยมปลายไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้
แม้ว่าเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตบางส่วนจะได้เข้าเรียนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงได้รับการศึกษาที่ล้าหลัง โดยมีเพียง 17% ของเด็กวัยประถมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่สามารถทำคะแนนทักษะการอ่านขั้นต่ำได้ภายในสิ้นปีการศึกษาระดับประถม ที่น่าสังเกตคือ เด็กผู้หญิงในระดับประถมมักจะทำคะแนนได้ดีกว่าเด็กผู้ชาย โดยเด็กผู้หญิงในกลุ่มนี้มีสัดส่วนถึง 52%
รายงานนี้ระบุว่า ราวครึ่งหนึ่งของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่อยู่ในวัยเรียนทั่วโลกนั้นอาศัยอยู่ในแถบแอฟริกาตอนใต้ของซาฮารา โดยภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดในการรับประกันสิทธิในการศึกษาของเด็กทุกคน
รายงานยังระบุถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นำไปสู่การเพิ่มความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วซึ่งส่งผลให้เด็กต้องออกโรงเรียนมากขึ้น เช่นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในปี 2567 ที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคต่าง ๆ ในซาเฮล แอฟริกาตะวันออก และเอเชียกลาง ขณะเดียวกัน ภัยแล้งที่รุนแรงได้รุมเร้าพื้นที่ในแถบแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือและแอฟริกาตอนใต้ รวมถึงบางส่วนของทวีปอเมริกา ผลกระทบที่ทับซ้อนกันจากวิกฤตเหล่านี้ทำให้ความไม่มั่นคงด้านอาหารทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และผลักดันระดับการพลัดถิ่นทั่วโลกไปถึงจุดสูงสุด
เพื่อรับมือปัญหาที่เชื่อมโยงกันเหล่านี้ ECW และพันธมิตรระดับโลกกำลังเรียกร้องเงินทุนเพิ่มเติมจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการบรรลุเป้าหมายที่ระบุไว้ในแผนกลยุทธ์สี่ปีของกองทุน ด้วยการเพิ่มการระดมทุนจากผู้บริจาคภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลที่มีทรัพย์สินสูง ECW และพันธมิตรมีเป้าหมายที่จะเข้าถึงเด็กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต 20 ล้านคน พร้อมให้ความปลอดภัย โอกาส และความหวังในการศึกษาคุณภาพภายในปี 2569
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2602994/ECW_Global_Estimates_Small.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1656121/Education_Cannot_Wait_Logo.jpg?p=medium600