![]() |
สิงคโปร์ 5 ธันวาคม 2568 /PRNewswire/ -- ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจรชั้นนำระดับโลกได้ประกาศว่า Cui Li ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนา (CDO) ของบริษัท ได้รับเกียรติขึ้นกล่าวปาฐกถาในงาน AI Innovation Asia 2025 ซึ่งจัดโดย Economist Impact หน่วยงานด้านความเป็นผู้นำทางความคิดในเครือ The Economist Group
Cui Li ได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของ ZTE ที่มีต่อ Agentic AIผ่านการเสวนาในหัวข้อ "AI จะช่วยคุณได้อย่างไร Agentic AI และประสบการณ์ลูกค้า" (How May AI Help You? Agentic AI and the Customer Experience) พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้กำลังพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า และรูปแบบการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กรอย่างไร นอกจากนี้ เธอยังเน้นย้ำถึงบทบาทของ AI ในการเสริมสร้างความยืดหยุ่น ยกระดับการกำกับดูแลและความรับผิดชอบ พร้อมกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ เตรียมความพร้อมรับมือกับยุคแห่ง Agentic AI ตั้งแต่วันนี้
คำถามที่ 1: ปูพื้นฐาน – Agentic AI ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ลูกค้าในภาคธุรกิจของคุณอย่างไร
Agentic AI กำลังกำหนดนิยามประสบการณ์ผู้ใช้ใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องของการออกแบบ UI เท่านั้น แต่เป็นการยกระดับจากการตอบสนองไปสู่ความเข้าใจ และการร่วมสร้างสรรค์ โดย ZTE กำลังบูรณาการ Agentic AI เข้าสู่ 4 พื้นที่หลัก ได้แก่ เครือข่าย การประมวลผล ที่อยู่อาศัย และอุปกรณ์ส่วนบุคคลผ่านกลยุทธ์ "AI สำหรับทุกคน" (AI for All) ของบริษัท
ยกตัวอย่างเช่น เราได้เปิดใช้งานเครือข่ายอัตโนมัติระดับ 4 และระดับที่สูงกว่าผ่านขุมพลังของ 3 เอนจิ้นหลัก ได้แก่ Nebula Telecom Large Model บิ๊กดาต้า และดิจิทัล ทวิน ซึ่งในการใช้งานจริงนั้น ZTE และ China Mobile ได้ร่วมกันสร้างสรรค์มัลติเอเจนท์ที่สามารถตรวจจับปัญหาเครือข่าย และทำการซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาลงได้ถึง 47%
คำถามที่ 2: การเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์ – การเพิ่มความเป็นอิสระทางดิจิทัลผ่าน Agentic AI จะพลิกโฉมวิธีการสร้างความยืดหยุ่นและการปรับตัวขององค์กรอย่างไร
ความจริงก็คือ เรากำลังอยู่ในยุคที่มีความไม่แน่นอนสูงมา สถานการณ์นี้บังคับให้เราต้องเริ่มต้นอย่างมีจุดหมายในใจ กล่าวคือ เราต้องมองหาความมั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนเสมอ และสร้างความได้เปรียบที่แข็งแกร่งจากจุดเล็กๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ เราต้องมีความคล่องตัวเพื่อจับสัญญาณการเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว โดยเปลี่ยนจากองค์กรที่ทำงานเหมือนเครื่องจักร ให้กลายเป็นองค์กรที่มีชีวิตและปรับตัวได้เอง
จากนั้นเราต้องเข้าใจว่า AI จะช่วยเราได้อย่างแท้จริงอย่างไร เพราะในปัจจุบัน โมเดล AI ขนาดใหญ่สามารถทำงานได้ในระดับเดียวกับ หรือเหนือกว่าระดับปริญญาเอกแล้ว ในขณะที่ เอเจนท์ก้าวไปอีกขั้นด้วยการผนวกความจำและเครื่องมือต่างๆ เข้าด้วยกัน เปรียบเสมือนการนำโมเดลมาประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความจริง และ Agentic AI ก็สามารถประสานงานระหว่างเอเจนท์ตัวต่างๆ เพื่อทำภารกิจที่ซับซ้อน และกินเวลาให้เป็นแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งแน่นอนว่า นี่คือสถานะในอุดมคติ ความจริงก็คือ เอเจนท์หรือ Agentic AI ต่างก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และเผชิญกับความท้าทายทางเทคนิคมากมาย แต่เมื่อพิจารณาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ AI แล้ว ฉันเชื่อว่าโซลูชันต่างๆ จะพร้อมให้ใช้งานได้ในเร็วๆ นี้
และฉันเชื่อว่า AI จะแสดงประสิทธิภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อเราทำงานร่วมกับมันในระยะยาว ระบบอัจฉริยะนั้นถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของดิจิทัลและเครือข่าย ซึ่งหากปราศจากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลแล้ว บริษัทจะไม่สามารถบรรลุการเป็นระบบอัจฉริยะได้อย่างแท้จริง นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความยืดหยุ่นหรือการปรับตัวเลย มันเหมือนกับการพยายามจะวิ่งก่อนที่จะเดินเป็นด้วยซ้ำ นอกจากนี้ การก้าวสู่การเป็นระบบอัจฉริยะนั้นยังต้องอาศัยวิศวกรรมความรู้ การปรับโครงสร้างกระบวนการ และกรอบความคิดแบบ AI ซึ่งเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น
การเดินทางสู่ระบบดิจิทัลของ ZTE นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 2557 และเริ่มการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นระบบอัจฉริยะในปี 2565 นี่คือประสบการณ์ของเรา: โครงสร้างพื้นฐานต้องมาก่อน แต่ต้องรักษาสมดุลระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ให้ดี ดำเนินการวางแผนอย่างเป็นระบบจากบนลงล่าง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดมาจากการก้าวเล็กๆ ทุกก้าว และสุดท้ายก็คือ เริ่มต้นจากสถานการณ์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นรูปธรรม แล้วทำซ้ำอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับความไม่แน่นอนในระหว่างทาง
Q3: การกำกับดูแลและความรับผิดชอบ – เมื่อระบบ AI ตัดสินใจได้เองมากขึ้น บริษัทจะรักษาการกำกับดูแล รับรองความรับผิดชอบ และรักษาอธิปไตยทางดิจิทัลได้อย่างไร
สรุปสั้นๆ ก็คือ ให้มนุษย์ยังคงอยู่ในระบบอยู่ เพราะงานต่างๆ เช่น การออกแบบ การตรวจสอบ การตัดสินใจ และการกำกับดูแล ยังคงต้องทำโดยมนุษย์ ซึ่งควรเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด ระบบอัตโนมัติเป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่จุดหมาย สิ่งที่มนุษย์ควรกังวลจริงๆ ไม่ใช่การถูกแทนที่ แต่คือการถอยออกมา หรือหายไปจากกระบวนการนี้ต่างหาก
เหรียญมีสองด้านเสมอ โมเดลเหล่านี้ก็เช่นกัน ความสามารถในการสรุปความ ความสามารถที่อุบัติขึ้นใหม่ และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ใช่แล้ว สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติของเทคโนโลยีที่พลิกโลกอย่างแท้จริง แต่พวกมันก็มาพร้อมกับปัญหาภาพหลอน ปัญหาแบบกล่องดำ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีความฉลาดทางสังคมและศีลธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ไม่มีวันเชี่ยวชาญได้อย่างแท้จริง โดยเนื้อแท้แล้ว AI ถูกสร้างขึ้นบนโมเดลทางสถิติ มันขาดสามัญสำนึกในโลกแห่งความเป็นจริง และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจัดการกับข้อแลกเปลี่ยนที่ซับซ้อนเหมือนที่มนุษย์ทำเลย
ที่สำคัญกว่านั้น การนำ AI มาใช้ในธุรกิจต้องการการผสานรวมอย่างลึกซึ้งเข้ากับองค์ความรู้ โดยเราต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความแม่นยำ ความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการแบ่งแยกความรับผิดชอบ พร้อมกับคำนึงถึงเวิร์คโฟลว์ และตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ด้วย ซึ่งจากประสบการณ์จริงของ ZTE นั้น ฉันอยากจะฝากเคล็ดลับบางประการไว้: ข้อแรก บริษัทควรพัฒนาโครงการวิศวกรรมความรู้ของตนเอง และโมเดลขนาดใหญ่เฉพาะโดเมน รวมถึงใช้ RAG และดิจิทัล ทวิน เพื่อความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ ข้อสอง ระบุปัญหาที่เป็นรูปธรรมที่เอเจนท์ต้องเข้าไปแก้ไข เพราะเอเจนท์ที่ทำได้ทุกอย่างมักจบลงด้วยการทำอะไรไม่ดีสักอย่าง ข้อสาม รู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้เอเจนท์หรือเวิร์คโฟลว์ โดยเอเจนท์จะเก่งในการจัดการงานซับซ้อนที่มีเส้นทางการทำงานหลากหลาย ในขณะที่ เวิร์คโฟลว์จะแม่นยำ และมีประสิทธิภาพกว่าในสถานการณ์ที่คาดเดาได้สูง ข้อสุดท้าย เปิดใช้งานการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ปลายทาง-เอดจ์-ระบบคลาวด์ เพื่อรับประกันทั้งความคุ้มค่าและความปลอดภัย และท่ามกลางส่วนประกอบสำคัญทั้งหมดนี้ มนุษย์ยังคงต้องเป็นผู้ที่คอยบังคับทิศทาง AI ให้ไปในทางที่ถูกต้อง และสร้างคุณค่าที่แท้จริง
คำถามที่ 4: คุณมองวิวัฒนาการของ Agentic AI จากระบบอัตโนมัติตามงานไปสู่พันธมิตรทางธุรกิจแบบบูรณาการอย่างไร และองค์กรควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Agentic AI อย่างไร
ในมุมมองทางเทคโนโลยี เราสามารถมองเอเจนท์ หรือ Agentic AI ว่าเป็นพนักงานดิจิทัลเชิงรุกได้ เพราะนอกเหนือจากที่มันสามารถทำงานง่ายๆ หรือซ้ำซากจำเจได้แล้ว พวกมันยังสามารถเชื่อมต่อกระบวนการทำงานทั้งหมด สร้างระบบอัตโนมัติทางปัญญา และแม้กระทั่งวิวัฒนาการตัวเองได้ ในปัจจุบัน เอเจนท์สามารถทำงานได้ดีในสถานการณ์ที่มีโครงสร้างชัดเจน มีข้อมูลมาก ทนต่อความผิดพลาดได้ และมีวงจรป้อนกลับที่ชัดเจน แต่พวกมันมักจะไปต่อไม่ได้เมื่อเจอสภาพแวดล้อมจริงที่ซับซ้อนหรือมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น อย่างที่ฉันบอกก็คือ เอเจนท์และ Agentic AI กำลังอยู่ในช่วงเริ่มแรก โดยในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า พวกมันจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมเฉพาะทางเป็นหลัก หลังจากนั้น พวกมันจะรับมือกับงานที่ซับซ้อนขึ้นด้วยความเป็นอิสระที่มากขึ้น มีความเป็นมาตรฐานมากขึ้น ปรับตัวได้ และสามารถเรียนรู้และวิวัฒนาการได้ ในปัจจุบัน เอเจนท์ได้พัฒนาไปเร็วมาก Gemini 3 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโมเดล AI ด้วยความสามารถในการให้เหตุผลระดับ SOTA ความเข้าใจแบบมัลติมอดัล และความสามารถแบบ Agentic
สำหรับองค์กร ฉันคิดว่าการเปิดรับ AI เป็นหนทางเดียวที่จะไปต่อ การปรับใช้ AI ไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อกับ API แต่เป็นการปรับโฉมกระบวนการ โครงสร้าง และทีมงาน บริษัทจำเป็นต้องวางแผนระยะกลางและยาวก่อน และต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาด ต่อมาคือเริ่มต้นจากสถานการณ์ที่มีมูลค่าสูงและเฉพาะเจาะจงกับธุรกิจ แล้วทำซ้ำอย่างรวดเร็ว นั่นคือวิธีที่เราจะเชี่ยวชาญ AI ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ มันยังเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านบุคลากรของเราด้วย ในอนาคต บุคลากร 3 ประเภทจะมีความสำคัญที่สุด: ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่จะขับเคลื่อนเทคโนโลยีนี้ไปข้างหน้า ผู้ใช้งาน AI ระดับสูงที่จะส่งเสริมนวัตกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพ และผู้คนที่ก้าวข้าม AI ด้วยความคิดขั้นสูงและกรอบความคิดที่แข็งแรง สุดท้ายนี้ บริษัทควรปรับโครงสร้างตัวเองและวางแผนสำหรับอนาคตของ "ภาวะพึ่งพาอาศัยกันระหว่างมนุษย์และ AI" เพื่อให้ AI แสดงศักยภาพได้เต็มที่
งาน AI Innovation Asia 2025 เป็นเวทีเสวนา และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระดับสูงที่เชื่อมโยงผู้นำองค์กร ผู้บุกเบิกเทคโนโลยี และผู้กำหนดนโยบายเข้าด้วยกัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การประชุมเชิงลึก 15 หัวข้อ และข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกว่า 40 ท่าน เวทีเสวนานี้ได้มุ่งเน้นไปที่เส้นทางการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น Generative AI และ Agentic AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกทางเทคนิคให้กลายเป็นการเติบโตที่จับต้องได้ และนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ยั่งยืนท่ามกลางภูมิทัศน์ตลาดที่ซับซ้อนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
สื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
ZTE Corporation
ฝ่ายการสื่อสาร
อีเมล: ZTE.press.release@zte.com.cn