อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, 10 ธันวาคม 2568 /PRNewswire/ -- ในวันนี้ คณะบริหารธุรกิจสเติร์น (Stern School of Business) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก วิทยาเขตอาบูดาบี (Stern at NYUAD) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันด้านการบริหารธุรกิจชั้นนำของโลก ได้เผยแพร่ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของศูนย์การเงิน (Financial Center Competitiveness Index: FCCI) ฉบับปฐมฤกษ์ที่งาน Global Markets Summit ในช่วงการจัดงาน Abu Dhabi Finance Week ดัชนีดังกล่าวประเมินศูนย์การเงินนานาชาติทั่วโลกและจัดอันดับนิวยอร์ก ลอนดอน และสิงคโปร์ให้ติดกลุ่มสามอันดับสูงสุด ดัชนีนี้ยังเน้นให้เห็นถึงอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ของกลุ่มประเทศ GCC ในวงการที่ถูกกำหนดโดยศูนย์กลางการเงินที่มีชื่อเสียงมั่นคงมาอย่างยาวนาน โดยจัดให้อาบูดาบีอยู่อันดับที่ 12 และดูไบอยู่ในอันดับที่ 14 ขณะที่ริยาดอยู่ในอันดับที่ 26 และโดฮาในอันดับที่ 29
ในขณะที่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกมีความซับซ้อนมากขึ้น ดัชนีแบบดั้งเดิมมักนำเสนอเพียงอันดับโดยไม่ได้อธิบายถึงปัจจัยที่ขับเคลื่อนอันดับเหล่านั้นอย่างแท้จริง ดัชนี FCCI จึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ โดยใช้วิทยาการข้อมูลในการผสานการจัดอันดับที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเข้ากับการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายได้รับมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับรูปแบบการเปรียบเทียบและการแข่งขันของศูนย์การเงิน ช่วยให้ศูนย์การเงินที่กำลังเติบโตเข้าใจแนวทางวางแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ และสนับสนุนให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถรับมือและนำทางท่ามกลางพลวัตเศรษฐกิจโลกที่ทวีความซับซ้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สถาบันแห่งนี้มุ่งผลักดันงานวิจัยเกี่ยวกับระเบียบเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นบทบาทของศูนย์การเงินนานาชาติ ด้วยการสร้างเกณฑ์วัดผลอย่างเป็นระบบให้แก่ศูนย์การเงิน สถาบันได้นำเสนอกรอบการวิเคราะห์ที่อ้างอิงข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ และนักลงทุน เพื่อใช้ในการตัดสินใจท่ามกลางพลวัตโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง
"ศูนย์การเงินระหว่างประเทศเป็นหนึ่งในวิธีที่ชัดเจนที่สุดในการสังเกตว่ากระแสเศรษฐกิจโลกกำลังเคลื่อนตัวไปทางใด" Rob Salomon คณบดีของ Stern at NYUAD กล่าว "ด้วย FCCI และสถาบันเพื่อความสามารถในการแข่งขันทางการเงินโลก เราต้องการก้าวข้ามจากเพียงการจัดอันดับแบบตาราง และนำเสนอภาพเชิงวิจัยที่อธิบายว่าเมืองต่าง ๆ กำลังเสริมสร้างศักยภาพทางการเงินของตนอย่างไร ผลงานที่แข็งแกร่งของหลายเมืองในภูมิภาคอ่าวอาหรับ อธิบายได้ว่าศูนย์กลางใหม่ ๆ สามารถเติบโตได้รวดเร็วเพียงใด เมื่อนโยบาย กฎระเบียบ บุคลากร และนวัตกรรมต่างเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน"
ดัชนี FCCI ใช้กรอบการวัดผลแบบสองเสาหลักที่พิจารณาทั้งปัจจุบันและอนาคต โดยเสาหลักด้าน Footprint จะติดตามขนาดและกิจกรรมในปัจจุบัน รวมถึงความแข็งแกร่งของสถาบัน ทรัพยากร และระบบนิเวศในท้องถิ่น ส่วนเสาหลักด้าน Dynamics จะประเมินศักยภาพการเติบโตและความพร้อมในอนาคต โดยเน้นที่เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งสองเสาหลักจะร่วมกันสะท้อนให้เห็นถึงสถานะปัจจุบันของศูนย์การเงิน และระดับความพร้อมต่ออนาคตที่จะมาถึง
ผู้วิจัยหลักของดัชนีนี้ ได้แก่ Bruno Lanvin ประธานสถาบัน Descartes Institute และที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันเพื่อความสามารถในการแข่งขันทางการเงินโลกของ Stern at NYUAD และ Anisa Shyti รองศาสตราจารย์คลินิกสาขาการบัญชีแห่ง Stern at NYUAD
"ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กลไกขับเคลื่อนการเติบโตกำลังเปลี่ยนแปลง เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ศูนย์การเงินจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขาคิดในกรอบเวลาหลายปี ไม่ใช่เพียงรายไตรมาส" Lanvin กล่าว "ดัชนีนี้ถูกออกแบบให้ตั้งอยู่ตรงจุดตัดระหว่างข้อมูลและกลยุทธ์ ช่วยให้เมืองต่าง ๆ เข้าใจว่าจะวางบทบาทของตนอย่างไรในระบบการเงินที่มีศูนย์กลางหลากหลายมากขึ้น จุดมุ่งหมายของเรา คือสนับสนุนให้เกิดการตัดสินใจที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การเลือกทำเล หรือการสร้างความเชื่อมั่นที่เป็นรากฐานของความสามารถในการแข่งขันในท้ายที่สุด"
ดัชนีนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่กิจกรรมที่พึ่งพาปัญญาประดิษฐ์อย่างสูงและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลกำลังขยายตัว ศูนย์การเงินก็จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ความมั่นคงทางไซเบอร์ และพลังงานที่ยั่งยืน เพื่อรองรับรูปแบบใหม่ของการเป็นตัวกลางทางการเงิน
"ดัชนี FCCI ถูกจัดทำขึ้นเพื่อการนำไปใช้ ไม่ใช่เพียงแค่อ่าน" Shyti กล่าว "จากการแยกเสาหลัก Footprint และ Dynamics ออกจากกัน และการเปิดให้สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มแบบอินเทอร์แอคทีฟ เรามอบเครื่องมือที่ทรงพลังให้ผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารศูนย์การเงิน และนักลงทุน สามารถทดสอบสมมติฐานของตนได้อย่างรอบด้าน โดยเป็นเครื่องมือสำหรับการตัดสินใจและการลงมือปฏิบัติ ความไม่แน่นอนส่งผลต่อทุกคน แต่ผลกระทบนั้นไม่เคยเหมือนกัน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะสามารถปรับน้ำหนักไปที่กฎระเบียบ เทคโนโลยี หรือบุคลากร และเห็นได้ว่าอันดับปรับเปลี่ยนไปตามอนาคตที่พวกเขาคาดหวังได้ทันที ความยืดหยุ่นเช่นนี้เป็นสิ่งจำเป็นในโลกที่คำถามและความท้าทายต่าง ๆ พลิกผันอยู่ตลอดเวลา"
FCCI ถือเป็นงานตีพิมพ์สำคัญครั้งแรกของสถาบันเพื่อความสามารถในการแข่งขันทางการเงินโลก ซึ่ง Stern at NYUAD ประกาศจัดตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว ทางสถาบันใช้วิทยาการข้อมูลในการทำวิจัย และได้รับคำปรึกษาจากนักลงทุนผู้มีชื่อเสียง Ray Dalio พร้อมทั้งผสานความเชี่ยวชาญของทีมนักวิจัยและที่ปรึกษาชั้นแนวหน้าระดับโลก
ผลงานของกลุ่มประเทศ GCC สะท้อนถึงแนวโน้มที่กว้างขวางยิ่งขึ้นของภูมิภาค การเสริมสร้างกรอบกำกับดูแลให้แข็งแกร่ง การลงทุนเชิงเป้าหมายด้านนวัตกรรม และการขยายตัวของกิจกรรมทางการเงินทั่วภูมิภาค ต่างมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของศูนย์กลางระดับภูมิภาคหลายแห่ง พัฒนาการเหล่านี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของเครื่องมืออย่างเช่น FCCI ซึ่งช่วยอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าศูนย์การเงินพัฒนาและแข่งขันกันอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
ดัชนีนี้จัดทำขึ้นโดยสถาบันเพื่อความสามารถในการแข่งขันทางการเงินโลก (IGFC) แห่ง Stern at NYUAD โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาเศรษฐกิจอาบูดาบี (ADDED) และมูลนิธิ Dalio Philanthropies