มิวนิค--8 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- บริษัทร่วมทุน Osram Continental GmbH จะผนวกความเชี่ยวชาญของ Osram และ Continental ในด้านระบบไฟส่องสว่างและระบบควบคุมไฟ
- สองฝ่ายจะถือหุ้นเท่ากันที่ 50%
- บริษัทตั้งเป้าทำยอดขายแตะหลักร้อยล้านยูโร
- บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่จะเริ่มดำเนินงานในปี 2561
บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Osram และ Continental ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น ด้วยแนวคิดในการผนวกเทคโนโลยีไฟระดับนวัตกรรมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ เพื่อพัฒนาโซลูชั้นไฟอัจฉริยะให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ การร่วมทุนระดับโลกนี้จะดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท Osram Continental GmbH และมีสำนักงานจดทะเบียนในเขตมิวนิค Osram และ Continental จะถือหุ้นฝ่ายละ 50% ในบริษัทแห่งใหม่ ด้วยเป้าหมายยอดขายแตะหลักร้อยล้านยูโร ด้วยจำนวนพนักงานราว 1,500 คน และมัีสำนักงานกระจายอยู่ 17 แห่งทั่วโลก Dirk Linzmeier (ซีอีโอ) จาก Osram และ Harald Renner (ซีเอฟโอ) จาก Continental ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ สำหรับบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่มีกำหนดเปิดดำเนินงานในปี 2561 โดยรอผลผูกพันทางสัญญาในข้อตกลงขั้นสุดท้ายและรอการอนุมัติจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดธุรกิจ (แอนตี้ทรัสต์)
Osram จะถ่ายโอนธุรกิจ Solid State Lighting (SSL) สำหรับยานยนต์ ไปอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ส่วน Continental จะโยกแผนกระบบควบคุมไฟจากหน่วยธุรกิจ Body & Security ไปอยู่กับบริษัทแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัท Osram Continental สามารถผนวกความเชี่ยวชาญด้านโมดุลแสงสว่างจากเซมิคอนดักเตอร์ ระบบไฟฟ้าที่ทันสมัย รวมถึงระบบออปติกและซอฟต์แวร์ เพื่อบุกเบิกเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และแหล่งกำเนิดแสงที่ล้ำสมัย ดังนั้น Osram Continental จะสามารถส่งมอบโซลูชั่นแสงสว่างที่ทันสมัยและครบวงจรสำหรับไฟหน้าและไฟท้ายรถยนต์โดยเฉพาะ ทั้งนี้สองบริษััทต้องการทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระดับนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งผลิตและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดได้เร็วขึ้น โดยบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่จะดำเนินงานในตลาดในฐานะบริษัทที่ดำเนินงานเป็นเอกเทศ
"บริษัทร่วมทุนแห่งนี้เป็นสัญญาณว่า Osram กำลังมุ่งมั่นกับการปฏิรูประบบดิจิทัล ความเชี่ยวชาญของ Continental ในด้านซอฟต์แวร์และระบบไฟฟ้าเป็นการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้เราเป็นผู้นำเทคโนโลยีระบบไฟรถยนต์ โดยบริษัทจะมุ่งมั่นสร้างระบบไฟรถยนต์ดิจิทัลเพื่ออนาคตต่อไป" Stefan Kampmann ซีทีโอของ Osram Licht AG กล่าว
"ระบบไฟในอุตสาหกรรมยานยนต์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ซอฟต์แวร์ก็ช่วยเสริมสร้างพลวัตดังกล่าว" Helmut Matschi กรรมการบริหาร Continental กล่าว "ถึงแม้ระบบไฟแบบเดิมยังคงมีความสำคัญสำหรับลูกค้าของเรา แต่การเพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆก็มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ดังนั้นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ขึ้น จึงเป็นการเติมเต็มให้แก่กันและกัน เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นไปอีกขั้น"
ตลาดไฟรถในอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่นเดียวกับระบบไฟส่องสว่างทั่วไป ตลาดดังกล่าวกำลังมุ่งสู่โซลูชั่นระบบไฟที่อาศัยสารกึ่งตัวนำ เนื่องจากระบบไฟอัจฉริยะในรถยนต์มีฟังก์ชั่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการออกแบบ และทางเลือกการใช้งานก็มีมากขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีที่อาศัยสารกึ่งตัวนำ ซอฟต์แวร์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์จึงมีความจำเป็นมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในแต่ละปี ตลาดโซลูชั่นไฟหน้ารถที่ใช้สารกึ่งตัวนำมีการขยายตัวในอัตราเลขสองหลัก ขณะที่ผลวิจัยตลาดล่าสุดพบว่า ภายในปี 2568 รถยนต์ใหม่มากกว่าครึ่งหนึ่งทั่วโลกจะติดตั้งโซลูชั่นระบบไฟที่ใช้สารกึ่งตัวนำ
โซลูชั่นระบบไฟอัจฉริยะจะเปิดทางให้ผู้ผลิตยานยนต์มีความยืดหยุ่นในการออกแบบมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนอีกด้วย" Andreas Wolf หัวหน้าหน่วยธุรกิจ Body & Security ของ Continental กล่าว "การปรากฏตัวในระดับโลกของ Osram Continental จะเปิดทางให้เราสามารถร่วมมือกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา ส่วนในแง่ของตัวบริษัท Continental และ Osram นั้น เราจะได้สองบริษัทเทคโนโลยีที่ผนวกความเชี่ยวชาญอันครอบคลุมในบริษัทร่วมทุนเพื่อส่งมอบโซลูชั่นที่มีเอกลักษณ์ให้กับลูกค้า"
"การปฏิรูประบบดิจิทัลได้นำมาซึ่งประโยชน์การใช้งานใหม่ๆในระบบไฟของรถยนต์ ดังนั้นจึงเพิ่มโอกาสให้เราอย่างมากมายในการสร้างข้อได้เปรียบร่วมกับ Continental และจากการพัฒนาโซลูชั่นไฟส่องสว่างและระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยและครบวงจรให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างลงตัว" Hans-Joachim Schwabe ซีอีโอหน่วยธุรกิจ Specialty Lighting ของ Osram กล่าว
"การผนึกกำลังกันในครั้งนี้ เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นในการขับเคลื่อนนวัตกรรมโดยการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อผนวกระบบไฟส่องสว่าง เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในโซลูชั่นหนึ่งเดียวที่ไร้รอยต่อ เช่น การเชื่อมต่อระบบไฟรถและเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ในโมดุลหรือระบบการสื่อสารด้วยสัญญาณไฟระหว่างผู้ขับขี่ ผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ และรถยนต์รอบๆตัว" Schwabe กล่าวเสริิม
เกี่ยวกับ Osram
Osram ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิค เยอรมนี เป็นบริษัทไฮเทคชั้นนำระดับโลกด้วยประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 110 ปี บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่อาศัยสารกึ่งตัวนำ (เซมิคอนดักเตอร์) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีขอบเขตการใช้งานกว้างขวางครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรม VR ไปจนถึงยานพาหนะไร้คนขับ จากสมาร์ทโฟนไปจนถึงโซลูชั่นระบบไฟอัจฉริยะในอาคารและเมืองต่างๆ Osram พัฒนาเทคโนโลยีระบบไฟอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์และชุมชน นอกจากนี้ นวัตกรรมของบริษัทยังช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถสื่อสาร เดินทาง ทำงาน และดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเขามองเห็นได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น บริษัท Osram มีพนักงานประมาณ 26,400 คนทั่วโลก ณ สิ้นปีงบการเงิน 2559 (30 กันยายน) และมีรายได้กว่า 4.1 พันล้านยูโรในปีงบฯดังกล่าว Osram เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตและมิวนิค (ISIN: DE000LED4000; WKN: LED400; สัญลักษณ์ในการซื้อขาย: OSR) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถรับชมได้ที่ www.osram-group.com
เกี่ยวกับ Continental
Continental ก่อตั้งในปี 2414 เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีและบริการเพื่อการขนส่งผู้คนและสินค้าอย่างยั่งยืนด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกัน บริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้นำเสนอโซลูชั่นที่ปลอดภัย เปี่ยมประสิทธิภาพ อัจฉริยะ และราคาเอื้อมถึง สำหรับยานพาหนะ เครื่องจักร ระบบไฟจราจร และการขนส่ง ในปี 2559 Continental มียอดขาย 4.05 หมื่นล้านยูโร และมีพนักงานกว่า 230,000 คน ใน 56 ประเทศ
การจัดการสารสนเทศภายในและภายนอกยานพาหนะถือเป็นหัวใจหลักของฝ่าย Interior ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่คลัสเตอร์ควบคุม ระบบ head-up display และหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่น, หน่วยควบคุม, ระบบควบคุมการเข้าและข้อมูลยางล้อ, วิทยุ, ระบบสาระบันเทิง, อุปกรณ์นำเข้าสัญญาณ, แผงควบคุม, ระบบปรับอากาศ, ซอฟต์แวร์, ค็อกพิต และบริการอื่นๆ
