เซี่ยงไฮ้--1 กรกฎาคม 2562--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Whale Cloud บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งชั้นนำ เปิดตัวชุดโซลูชันสำหรับธุรกิจ 5G ที่อัปเกรดจากโซลูชัน d-BEP ในปัจจุบัน ณ การประชุม GSMA Partner Program Conference ในงาน MWC19 Shanghai (26-28 มิถุนายน) โดยชุดโซลูชันใหม่นี้ยกระดับศักยภาพการสร้างรายได้จากธุรกิจ 5G ภายใต้แพลตฟอร์ม Digital Business Enabling Platform หรือ d-BEP ของบริษัท ซึ่งเป็นโซลูชันสำหรับพลิกโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล นอกจากนั้นยังผสานโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่พร้อมรองรับอนาคต, AI mid-end และ Data mid-end, ระบบขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่ยืดหยุ่น, การจัดการเครือข่าย 5G และระบบนิเวศ เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้จากธุรกิจ 5G
เทคโนโลยี 5G แตกต่างจาก 4G ตรงที่เชื่อมต่อได้เร็วกว่า มีความหน่วงต่ำกว่า และมีขีดความสามารถในการแยกส่วนเครือข่าย ซึ่งมอบโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในการสร้างรายได้จากการเข้าถึงเครือข่ายและโซลูชันอุตสาหกรรมในตลาดแนวดิ่ง อย่างไรก็ดี ธุรกิจ 5G มีความท้าทายในการสร้างรายได้ กล่าวคือ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ชาญฉลาด ยืดหยุ่น และสามารถปรับขนาดได้มากพอ เพื่อรองรับการให้บริการแบบออนดีมานที่แตกต่างกันไปอย่างคุ้มทุน ดังนั้น ระบบไอทีของผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องมีการพัฒนาให้ชาญฉลาด ทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และรองรับระบบนิเวศในยุค 5G
ชุดโซลูชันการสร้างรายได้จากธุรกิจ 5G ของ Whale Cloud ที่ใช้เทคโนโลยี AI และระบบวิเคราะห์บิ๊กดาต้าของ Alibaba จะให้การสนับสนุนแบบ E2E สำหรับธุรกิจ เครือข่าย และระบบนิเวศ ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถขยายตลาด 2C และ 2B รวมถึงใช้ 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ชุดโซลูชันการสร้างรายได้ประกอบด้วย
ชุดโซลูชัน 5G ของ Whale Cloud มีอะไรใหม่บ้าง
AI mid-end แบบเปิดระดับองค์กร: AI mid-end ของ Whale Cloud ที่ใช้เทคโนโลยี AI ของ Alibaba ผสานกับประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Whale Cloud ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนงานด้านไอทีของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยเฉพาะ จนถึงตอนนี้ AI mid-end มีมากกว่า 10,000 แท็ก, 473 โมเดลการทำเหมืองอุตสาหกรรม, 136 โมเดล AI และ 16 กราฟความรู้ ที่สำคัญคือ ขีดความสามารถด้าน AI ยังเปิดกว้างสำหรับบุคคลภายนอก ทำให้ผู้ให้บริการสามารถใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถด้าน AI ในการสนับสนุนงานด้านไอทีทุกรูปแบบ
การจัดการเครือข่ายแยกส่วนแบบอัจฉริยะและอัตโนมัติ: เครื่องมือแยกส่วนแบบเห็นภาพรองรับการออกแบบ การใช้งาน และการจัดการเครือข่ายแยกส่วนแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถส่งมอบบริการ 5G ได้ภายใน 3 นาที โดยศูนย์ติดตามตรวจสอบขุมพลัง AI ช่วยปกป้องการทำงานแบบแยกส่วนในเครือข่าย ขณะที่ศูนย์ O&M แบบแยกส่วนอัจฉริยะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบแบบเรียลไทม์และมีการทำงานแบบแยกส่วนที่เต็มประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที ทั้งยังรองรับการจัดการแบบแยกส่วนและขีดความสามารถด้าน SaaS อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่
ระบบการคิดค่าบริการที่ยืดหยุ่น: รองรับเมทริกซ์การคิดค่าบริการที่หลากหลายตามโซลูชันแนวดิ่งและรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยังรองรับการคิดค่าบริการสำหรับบุคคลภายนอกและการแบ่งรายได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างระบบนิเวศในยุค 5G
ช่องทางการสร้างรายได้ในระบบนิเวศ: ระบบนิเวศและพอร์ทัลบริการเครือข่ายแบบแยกส่วนรองรับการตั้งค่าผลิตภัณฑ์แยกส่วนแบบ E2E, เทมเพลตการแยกส่วนแนวดิ่ง, สภาพแวดล้อมในการพัฒนาออนไลน์ และตลาดในการสร้างรายได้จากโซลูชันแนวดิ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์ในระบบนิเวศได้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ 5G
สตีเวน โจ ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านการวิจัย 5G ของ Whale Cloud กล่าวถึงชุดโซลูชัน 5G ที่มาพร้อมโครงสร้างสถาปัตยกรรม mid-end ของ Alibaba ว่า "ในยุค 5G การใช้สถาปัตยกรรม mid-end เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเร่งผลักดันนวัตกรรมทางธุรกิจ ชุดโซลูชัน 5G ใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Whale Cloud ในการช่วยให้ลูกค้า CSP ทั่วโลกสามารถจัดการสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจ 5G หลากหลายรูปแบบ"