สิงคโปร์, 15 ส.ค. 2562 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- ความสัมพันธ์ทางการค้าที่ตึงเครียดระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดเหล่านี้ ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต มีต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น ขณะที่ประเทศซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นมหาอำนาจด้านการผลิต ก็กำลังสูญเสียสถานะดังกล่าว เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับรักษาความสามารถในการแข่งขัน หลายบริษัทจึงได้เริ่มมองหาหนทางที่จะโยกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกำลังพัฒนาที่มีเสถียรภาพมากกว่า แต่มีต้นทุนที่ต่ำลง
ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ จึงมีกิจกรรมการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยหลายภาคส่วน ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคและยานยนต์ ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมและเคมี ต่างแสดงความสนใจและมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามว่า ผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความพร้อมที่จะรับมือกับการเติบโตในอัตราที่รวดเร็วหรือไม่
เพื่อการเติบโตที่ต่อเนื่องและยั่งยืน บรรดาผู้ประกอบการต้องแน่ใจได้ว่า โรงงานผลิตของตนทำงานได้อย่างเต็มกำลัง อุปกรณ์ที่สำคัญต่อกระบวนการผลิต อาทิ ระบบอัดอากาศ ต้องทำงานได้อย่างเสถียร ประหยัดพลังงาน และเชื่อถือได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการยังคงความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งจัดการกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม การเลือกคอมเพรสเซอร์หรือระบบอัดอากาศที่เหมาะสม อาจเป็นงานยากและซับซ้อน ไม่ว่าจะซื้อเครื่องใหม่หรืออัพเกรดของเดิม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกันเพื่อที่จะมั่นใจว่าเลือกอุปกรณ์ได้ถูกต้อง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการการใช้งานระบบอัดอากาศ ตามด้วยการจัดทำข้อมูลความต้องการอย่างละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสามารถเลือกโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการ ขณะเดียวกันก็อยู่ภายในข้อจำกัดทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว
การวางแผนคือกุญแจสำคัญ
ก่อนซื้อคอมเพรสเซอร์สักตัวหนึ่ง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเก็บข้อมูลต่าง ๆ จากทั่วทั้งเครือข่ายระบบอัดอากาศ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยในการตัดสินใจได้ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการอากาศอัดในปัจจุบันและอนาคต คุณภาพของอากาศอัดที่ต้องการ รวมถึงพิจารณาว่า มีการนำความร้อนทิ้งจากคอมเพรสเซอร์มาใช้กับกระบวนการปฏิบัติงานอื่นหรือไม่ หากเป็นการเพิ่มคอมเพรสเซอร์เข้ามาในตัวเครื่องที่มีอยู่เดิม ผู้ประกอบการก็จำเป็นที่จะต้องพิจารณาการติดตั้งเทคโนโลยีควบคุมร่วมด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการควรวัดความต้องการอากาศอัดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อนำมาจัดทำข้อมูลความต้องการอย่างละเอียด การทำเช่นนั้นจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกคอมเพรสเซอร์ได้ง่ายขึ้น และมั่นใจได้ว่าซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานจริง
พิจารณาต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน
พลังงานคิดเป็นสองในสามของต้นทุนตลอดอายุการใช้งานของระบบอัดอากาศ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญกับต้นทุนตลอดอายุการใช้งานมากกว่าราคา เพราะระบบที่มีราคาขาย (sticker price) ต่ำ อาจช่วยประหยัดได้ในระยะสั้น แต่การประหยัดต้นทุนดังกล่าวก็อาจไร้ประโยชน์หากระบบมีอายุการใช้งานไม่นาน
เลือกหลักการทำงานที่เหมาะสม
เทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์แต่ละแบบไม่ได้ให้ประสิทธิภาพการทำงานเท่ากันทั้งหมด นอกจากแบบลูกสูบ สกรู และเทอร์โบที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ปัจจุบันยังมีหลักการทำงานและเทคโนโลยีกำลังขับแบบใหม่ ๆ หลายรูปแบบซึ่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพพลังงานดีขึ้น และในบางกรณียังเหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้านอีกด้วย
ทั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนแนวทางและการเลือกอุปกรณ์ โดยไม่มีอคติหรือคิดไปก่อนล่วงหน้าเกี่ยวกับชนิดของคอมเพรสเซอร์ ความจุ หรือข้อมูลจำเพาะ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาหลักการทำงาน คุณภาพ และประสิทธิภาพ นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์การใช้งานและงบประมาณ จากนั้นจึงประเมินตัวเลือกที่มีอยู่อย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่จะซื้อนั้นตรงกับความต้องการ
ประเมินความต้องการด้านคุณภาพอากาศ
คุณภาพอากาศมีความสำคัญอย่างมากในหลายกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดหรือความต้องการอาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น ในกระบวนการผลิตที่อ่อนไหว อาทิ การผลิตอาหารหรือยา การไหลของอากาศอัดจะต้องมีคุณภาพขั้นสูงสุด ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องพิจารณาว่าจะผลิตอากาศอัดแบบปราศจากน้ำมัน 100% โดยตรงหรือผ่านการกรอง ซึ่งทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อดี แต่ขณะเดียวกันก็ให้ประสิทธิภาพในระดับที่ต่างกัน และถึงแม้การกรองละอองน้ำมันออกจากอากาศอัดจะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่การอัดอากาศในคอมเพรสเซอร์แบบน้ำมันหล่อลื่นในปัจจุบันนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใส่ใจในคุณภาพและประสิทธิภาพเท่า ๆ กัน ตลอดจนการติดตามความก้าวหน้าล่าสุดอยู่เสมอทั้งในด้านเทคโนโลยีและกระบวนการ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคงไว้ซึ่งทั้งคุณภาพและประสิทธิภาพโดยไม่ต้องยอมลดอย่างใดอย่างหนึ่งลง
ประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ
การเลือกผู้ผลิตและจำหน่ายที่ใช่ สามารถช่วยให้ขั้นตอนการคัดเลือกอุปกรณ์กระชับและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเลือกผู้ผลิตและจำหน่ายที่มีประวัติการดำเนินงานและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ตลอดจนมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางครอบคลุมนั้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าเลือกแอร์คอมเพรสเซอร์หรือระบบอัดอากาศที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่เลือกแต่เทคโนโลยีล่าสุดหรือข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่านั้น
ในฐานะผู้ให้บริการแบบครบวงจร การ์ดเนอร์ เดนเวอร์ สามารถทำงานร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อเลือกระบบอัดอากาศที่เหมาะสมกับโรงงานแต่ละประเภท ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานนับศตวรรษ เราทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อรวบรวมสิ่งที่ลูกค้าต้องการทั้งหมด จากนั้นจึงร่วมกันหาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ตั้งแต่เครื่องคอมเพรสเซอร์แบบเดี่ยว ไปจนถึงระบบสั่งผลิตและติดตั้ง ผลิตภัณฑ์คอมเพรสเซอร์แบบน้ำมันหล่อลื่น แบบปราศจากน้ำมัน และแบบพกพาของเรา ครอบคลุมหลักการทำงานและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เราจึงสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการอากาศอัด แม้เป็นความต้องการที่ซับซ้อนที่สุดก็ตาม
เกี่ยวกับการ์ดเนอร์ เดนเวอร์ (Gardner Denver)
การ์ดเนอร์ เดนเวอร์ (NYSE: GDI) เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของโลกผู้ผลิตอุปกรณ์ควบคุมการไหลและอุปกรณ์สูบอัดที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ ทั้งเครื่องจักรสำเร็จรูป อะไหล่ วัสดุสิ้นเปลือง และการบริการหลังการขายที่เกี่ยวข้อง บริษัทวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในตลาดที่มีศักยภาพดีในแวดวงอุตสาหกรรม พลังงาน และการแพทย์ โดยผลิตภัณฑ์และบริการอันครอบคลุมและครบวงจรของบริษัท ทั้งเครื่องสูบอัด ปั๊ม ระบบสุญญากาศ และโบลเวอร์ เช่นเดียวกับความเชี่ยวชาญในการใช้งานและประสบการณ์ทางวิศวกรรมที่สั่งสมมานานกว่า 160 ปีนั้น ทำให้การ์ดเนอร์ เดนเวอร์ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่น รองรับการใช้งานเฉพาะทางของลูกค้า ทั้งนี้ การ์ดเนอร์ เดนเวอร์ ให้บริการลูกค้าผ่านศูนย์การผลิตทั้งสิ้น 41 แห่งทั่วโลก รวมถึงศูนย์ให้บริการและซ่อมบำรุงรวมกันกว่า 30 แห่งใน 6 ทวีป ด้วยพนักงานรวมกันประมาณ 6,700 คนทั่วโลก
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20190814/2551512-1?lang=0