 |
การศึกษานี้รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการตรวจกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด รวมทั้งการคัดกรองประชาชนทั่วไปจนถึงปัจจุบัน และนำมารวมกับข้อมูลที่ได้จากการตรวจหาลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสแบบครอบคลุมจากผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วทั้งหมด เพื่อติดตามการกลายพันธุ์และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
ผลการศึกษาเน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความจำเป็นในการตรวจคัดกรองแบบเชิงรุก การแยกตัวผู้ติดเชื้อ และการเว้นระยะห่างทางกายภาพ ตลอดจนความเร่งด่วนในการเพิ่มการตรวจคัดกรองให้มากขึ้น เพื่อควบคุมเชื้อไวรัสและโรค
เรคยาวิก ไอซ์แลนด์, 14 เม.ย. 2563 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- คณะนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท deCODE genetics ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานด้านสาธารณสุข The Directorate of Health และโรงพยาบาล The National University Hospital ของไอซ์แลนด์ เปิดเผยผลการศึกษาการแพร่ระบาดระยะแรกของเชื้อไวรัส SARS-Cov-2 (ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19) ในกลุ่มประชากรในไอซ์แลนด์ โดยการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine ฉบับออนไลน์ วันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในประเด็นที่ว่า เชื้อไวรัสแพร่กระจายในกลุ่มประชากรอย่างไร ซึ่งในกรณีนี้เป็นการศึกษาประชากรกลุ่มหนึ่งจำนวน 360,000 คน และดำเนินมาตรการการตรวจสอบ ติดตาม และแยกตัวแบบเชิงรุกในช่วงเริ่มต้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 0.8% ของประชากรโดยทั่วไปติดเชื้อไวรัสหลายสายพันธุ์หรือหลายกลุ่ม (Clade) ซึ่งสนับสนุนความกังวลที่ว่า ผู้ที่เป็นพาหะแบบไม่แสดงอาการเป็นผู้แพร่กระจายโรค นั่นหมายความว่า ขณะที่ความพยายามของระบบสาธารณสุขมีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดจนถึงขณะนี้ แต่การมีข้อมูลมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการตรวจคัดกรองประชากรจำนวนมาก จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินการอย่างมีข้อมูลเพื่อควบคุมเชื้อไวรัสในไอซ์แลนด์ในระยะยาว
รายงานการศึกษาฉบับนี้ได้จากการตรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย และการตรวจคัดกรองประชากรทั่วไปที่อัตราการตรวจมากกว่า 60,000 ครั้ง/ล้าน ณ วันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสำหรับการเก็บข้อมูลในการศึกษาฉบับนี้ อย่างไรก็ดี มีการตรวจเพิ่มอีก 4,000 ครั้ง/ล้านในไอซ์แลนด์ทุกวันนับตั้งแต่นั้นมา (https://www.covid.is/data ) ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของไอซ์แลนด์ได้เริ่มตรวจผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง (โดยเฉพาะสกีรีสอร์ตในเทือกเขาแอลป์) และผู้ที่ดูเหมือนมีอาการในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการยืนยันพบการติดเชื้อ SARS-Cov-2 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดย ณ วันที่ 4 เมษายน การตรวจกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ทำให้พบผู้ติดเชื้อ 1,221 รายจากผู้ที่แสดงอาการจำนวน 9,199 ราย และผู้สัมผัสกับกลุ่มคนเหล่านี้ ผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั้งหมดถูกแยกตัว ส่วนผู้ที่สัมผัสกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ถูกติดตามเพื่อให้กักตัวภายในบ้านเป็นเวลา 14 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจดังกล่าวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และทำให้เห็นภาพการแพร่ระบาดของไวรัสในประชากรทั่วไป เมื่อวันที่ 13 มีนาคม deCODE จึงเริ่มทำการตรวจอาสาสมัครที่ลงทะเบียนรับการตรวจคัดกรองฟรี และ ณ วันที่ 1 เมษายน มีผู้ได้รับการตรวจคัดกรอง 10,797 คนตามมาตรการนี้ ซึ่งพบว่า 87 ราย (0.8%) มีผลเป็นบวก นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-4 เมษายน ได้มีการคัดกรองผู้ที่ถูกสุ่มเลือกอีก 2,283 คน ซึ่งพบว่า 13 คน (0.6%) มีผลตรวจเป็นบวก การวิเคราะห์ข้อมูลการตรวจทั้งหมดดังกล่าวเผยให้เห็นว่า เด็กและผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ SARS-Cov-2 ค่อนข้างน้อยกว่าผู้ชายและผู้ใหญ่
"เราทำแผนที่ระบาดวิทยาระดับโมเลกุลของโรคโควิด-19 ในไอซ์แลนด์อย่างรอบคอบ ด้วยความหวังว่าจะทำให้ทั้งโลกได้รับข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ในขณะที่ทั่วโลกกำลังพยายามร่วมกันเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้" Kari Stefansson ซีอีโอ deCODE genetics และผู้นิพนธ์หลักในรายงานวิจัยฉบับนี้ กล่าว
deCODE ตรวจหาลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสจากประชาชน 643 คน และนำข้อมูลที่พบมาสร้างแผนภูมิแสดง haplotypes (รูปแบบลักษณะลำดับเบส) ที่แตกต่างกัน โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลลำดับเบส พบว่า haplotypes ของเชื้อไวรัสที่ตรวจพบในการตรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมายระยะเริ่มต้นนั้น เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่ม A2 ซึงมีต้นกำเนิดอยู่ในออสเตรียและอิตาลี และเข้ามาในไอซ์แลนด์โดยผู้ที่เดินทางกลับจากการเล่นสกีในช่วงวันหยุด ในทางตรงกันข้าม ผู้ติดเชื้อที่ถูกตรวจพบในการตรวจกลุ่มเป้าหมายครั้งหลัง และที่พบในการตรวจคัดกรองประชากรของ deCODE เผยให้เห็นว่า haplotypes ของกลุ่ม A1 ซึ่งพบมากในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรนั้น กลับพบได้บ่อยขึ้นในไอซ์แลนด์ จึงทำให้ขณะนี้ มีรูปแบบ haplotypes ที่กว้างและหลากหลายมากขึ้นในกลุ่มประชากร
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เชื้อไวรัสเข้ามาในไอซ์แลนด์จากหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่ำในขณะนั้น โดยปัจจุบัน พบว่ามีการกลายพันธุ์ 291 สายพันธุ์ในไอซ์แลนด์ ซึ่งยังไม่ตรวจพบในประเทศอื่น ประโยชน์ข้อหนึ่งของการตรวจหาลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสคือ ทำให้สามารถติดตามผู้สัมผัสและการติดเชื้อเพิ่มเติมที่มาจากผู้ติดเชื้อทื่ได้รับการยืนยันแล้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ถูกกักตัวอยู่แล้วนั้น เน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิผลของระบบสาธารณสุขในการติดตามและแยกตัวผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ และควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้มากขึ้น
"เพื่อทำให้สถานการณ์การระบาดครั้งนี้ดีขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราจึงต้องการข้อมูลที่ถูกต้องในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในชุมชนต่าง ๆ อย่างไร" Robert A. Bradway ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Amgen กล่าว "ผมเชื่อว่า การตอบสนองอย่างรวดเร็วของ deCODE ต่อสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ และความเข้าใจเชิงลึกที่ deCODE สร้างขึ้นนั้น จะทำให้ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับการตัดสินใจด้านสาธารณสุข"
deCODE มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ บริษัทเป็นผู้นำระดับโลกในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจจีโนมมนุษย์ ด้วยการใช้ความชำนาญเฉพาะตัวในด้านพันธุศาสตร์มนุษย์ ประกอบกับความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นในด้านทรานสคริปโตมิกส์ (transcriptomics) และโปรตีโอมิกส์ (proteomics) ในกลุ่มประชากร รวมถึงข้อมูลลักษณะปรากฏ (phenotypic) จำนวนมาก deCODE จึงค้นพบปัจจัยเสี่ยงของโรคที่พบได้บ่อยหลายสิบโรค และทำให้เกิดความเข้าใจในเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับพยาธิกำเนิดของโรคเหล่านั้น จุดประสงค์ในการทำความเข้าใจพันธุศาสตร์ของโรคก็คือ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้คิดค้นวิธีใหม่ ๆ ในการวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรค deCODE เป็นบริษัทในเครือของ Amgen (NASDAQ: AMGN)
วีดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/1154998/Dr_Kari_Stefansson_on_COVID_19.mp4
ติดต่อ:
Thora Kristin Asgeirsdottir
PR and Communications
deCODE genetics
thoraa@decode.is
00354-894-1909
