ปักกิ่ง--24 พฤษภาคม 2564--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนได้ประกาศมาตรการใหม่มากมายเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้าง โดยจีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบเงินช่วยเหลือ 3 พันล้านดอลลาร์ตลอด 3 ปีข้างหน้า รวมถึงจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา
ในการประชุมสุดยอด Global Health Summit ผ่านวิดีโอลิงก์ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลกช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดแคลน อุดช่องว่าง และกำจัดจุดอ่อนในการต่อสู้กับ "โรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในศตวรรษ"
การประชุมสุดยอดครั้งนี้ร่วมกันจัดโดยคณะกรรมาธิการยุโรปและประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นประธาน G20 ในปีนี้
มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 165 ล้านราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตทะลุ 3.4 ล้านรายแล้ว
"อุดช่องว่างด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน"
"เมื่อปีที่แล้ว ผมเสนอให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะของโลก" นายสี จิ้นผิง กล่าว "ทุกวันนี้ ปัญหาการกระจายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมมีความรุนแรงมากขึ้น"
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนว่า ทั่วโลกฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 1.1 พันล้านโดส แต่กว่า 80% ฉีดในประเทศที่มีรายได้สูงและรายได้ปานกลางระดับบน และมีเพียง 0.3% ที่ฉีดในประเทศที่มีรายได้ต่ำ
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนได้จัดหาวัคซีน 300 ล้านโดสให้ทั่วโลก โดยมอบวัคซีนฟรีให้แก่ประเทศกำลังพัฒนากว่า 80 ประเทศที่ต้องการอย่างเร่งด่วน และส่งออกวัคซีนไปยัง 43 ประเทศ พร้อมกับเสริมว่าจีนจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างเต็มความสามารถ
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนสนับสนุนให้บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติจีนถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่น ๆ และผลิตวัคซีนร่วมกัน
นอกจากนี้ จีนยังสนับสนุนให้สละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของวัคซีนโควิด-19 โดยนายสี จิ้นผิง กล่าวว่า "จีนสนับสนุนองค์การการค้าโลกและสถาบันระหว่างประเทศอื่น ๆ ให้ตัดสินใจเรื่องนี้โดยเร็ว"
เขาเสนอให้จัดการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมทั่วโลก
"เราต้องยึดมั่นในความเท่าเทียมและเป็นธรรม ในขณะที่เราพยายามอุดช่องว่างด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน" นายสี จิ้นผิง กล่าวย้ำ "เราจำเป็นต้องปฏิเสธแนวคิดวัคซีนชาตินิยม ตลอดจนแก้ปัญหาเรื่องกำลังการผลิตและการกระจายวัคซีน เพื่อทำให้วัคซีนเข้าถึงได้มากขึ้นและมีราคาย่อมเยาในประเทศกำลังพัฒนา"
ให้การสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติม
จีนให้ความช่วยเหลือมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์แก่ประเทศกำลังพัฒนาเพื่อรับมือกับโควิด-19 โดยได้ส่งเวชภัณฑ์ให้แก่ประเทศต่าง ๆ กว่า 150 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศอีก 13 แห่ง ทั้งหน้ากากอนามัยกว่า 2.8 แสนล้านชิ้น ชุดป้องกัน 3.4 พันล้านชุด และชุดทดสอบ 4 พันล้านชุด
"จีนจะมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 3 พันล้านดอลลาร์ตลอด 3 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการรับมือกับโควิด-19 รวมถึงการฟื้นตัวทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา" นายสี จิ้นผิง ประกาศ
นายสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวคำว่า "ประเทศกำลังพัฒนา" มากถึง 11 ครั้ง ในการกล่าวสุนทรพจน์ความยาวไม่ถึง 7 นาที พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิก G20 พยายามมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาและแก้ปัญหาต่าง ๆ
"จีนได้ดำเนินการพักชำระหนี้ให้แก่ประเทศยากจนในโครงการ G20 Debt Service Suspension Initiative for Poorest Countries และจนถึงขณะนี้ได้ยืดเวลาชำระหนี้มูลค่ารวมกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดในบรรดาประเทศสมาชิก G20" นายสี จิ้นผิง กล่าว
ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า สมาชิก G20 จำเป็นต้องเดินหน้าสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การพักชำระหนี้และการช่วยเหลือด้านการพัฒนา
นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ยังเรียกร้องให้มีการยกระดับระบบโลกาภิบาล โดยประเทศ G20 ควรเสริมแกร่งและยกระดับบทบาทขององค์การสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก พร้อมทั้งยกระดับระบบควบคุมและป้องกันโรคทั่วโลก
"เราจำเป็นต้องยึดมั่นในการปรึกษาหารือกันอย่างครอบคลุม การร่วมมือกันและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน พยายามมองในมุมของประเทศกำลังพัฒนา และพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขากังวลให้มากขึ้น" เขากล่าวเสริม
นายสี จิ้นผิง ตอกย้ำให้ทั่วโลกมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและร่วมมือกันต่อสู้กับโควิด-19 ตลอดจนสร้างประชาคมสุขภาพระดับโลกเพื่อทุกคน
"สถานการณ์โรคระบาดเป็นอีกหนึ่งเครื่องย้ำเตือนว่า มวลมนุษยชาติเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยไปด้วยกัน และมีอนาคตร่วมกัน" เขากล่าว "เราต้องบรรลุวิสัยทัศน์ในการสร้างประชาคมสุขภาพระดับโลกเพื่อทุกคน รวมถึงก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือ ตลอดจนปฏิเสธความพยายามในการตีตราและทำให้ไวรัสกลายเป็นเรื่องการเมือง"
ลิงก์: https://www.youtube.com/watch?v=GNU57IdvS_w