- โครงการ Obstetric Safe Surgery (OSS) ในเคนยา ได้รับทุนสนับสนุนจาก Johnson & Johnson และจนถึงปัจจุบัน Jhpiego ได้ดำเนินการในฐานะองค์กรหลัก ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขระดับชาติและเทศมณฑล รวมถึงสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ
- เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าในอนาคต Proximie และ Ariadne Labs ได้จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ Jhpiego ในการผสานรวมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ Jhpiego ในการผ่าตัดทางสูติศาสตร์อย่างปลอดภัย ผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Proximie เพื่อใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ AR หลายประสาทสัมผัส
- โครงการ OSS ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับผู้นำจากกระทรวงสาธารณสุขของเคนยา มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความท้าทายของระบบสุขภาพที่สำคัญบางประการในด้านสุขภาพของมารดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของการผ่าคลอด
- ปัจจุบันมีสตรีเสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้วันละประมาณ 810 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร โดยทารกแรกเกิดประมาณ 6,700 คนเสียชีวิตทุกวัน คิดเป็น 47% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีทารกเสียชีวิตหลังคลอดปีละประมาณ 2 ล้านคน โดยมากกว่า 40% เสียชีวิตระหว่างการคลอด
- ผู้คนกว่า 5 พันล้านคนเข้าถึงการรักษาเพื่อช่วยชีวิตหรือการป้องกันการทุพพลภาพโดยวิธีการผ่าตัดไม่ได้ คิดเป็นจำนวนเกือบสามในสี่ของประชากรโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศรายได้น้อยถึงปานกลาง (LMIC)
- ซอฟต์แวร์ของ Proximie จะช่วยฝึกฝนและให้คำปรึกษาทีมศัลยกรรมผ่านระบบเสมือนจริง ในการช่วยชีวิตมารดาและทารกแรกเกิด
- โครงการดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการในเขต Makueni
ลอนดอน, 13 ธันวาคม 2564 /PRNewswire/ -- Proximie ประกาศความร่วมมือกับ Jhpiego ในเครือของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ในโครงการการผ่าตัดที่ปลอดภัยในเคนยา เพื่อวางระบบซอฟต์แวร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ทั่วโลกมีส่วนร่วมและให้คำปรึกษาเพื่อนร่วมวงการแบบเรียลไทม์ได้
Proximie นำเสนอเทคโนโลยีแก่ Jhpiego ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสุขภาพระดับโลกที่ทำงานในกว่า 40 ประเทศ เพื่อยกระดับการดูแลการผ่าตัดทางสูติกรรมสำหรับสตรี โดยขยายและส่งเสริมการเรียนรู้และการให้คำปรึกษาในโครงการ Obstetric Safe Surgery ของ Jhpiego ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ในโรงพยาบาล 5 แห่งในเขต Makueni เป้าหมายของโครงการระยะเวลา 22 เดือนนี้คือการสนับสนุนรัฐบาลของเคนยา ในการลดการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิด รวมถึงการบาดเจ็บด้านสูติกรรม โดยการยกระดับคุณภาพของการผ่าคลอด เนื่องจาก 71% ของการเสียชีวิตของมารดาในสถานพยาบาลในเคนยานั้นเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดคลอด และการเสียชีวิตของมารดา 9 ใน 10 รายเชื่อมโยงกับการขาดการดูแลที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
โครงการที่นำโดย Jhpiego ได้รับทุนสนับสนุนจาก Johnson & Johnson มีพื้นฐานมาจากแนวทางระบบสุขภาพ โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นเพื่อสร้างเครือข่ายการดูแลการผ่าตัดด้านสูติกรรมที่ปลอดภัยและทันเวลา แพลตฟอร์ม Proximie นำเสนอโอกาสในการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้นและครอบคลุมโดยทีมผ่าตัดด้านสูติกรรม
การออกแบบและการประเมินโครงการ OSS ที่ได้รับการยกระดับนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ariadne Labs ซึ่งเป็นศูนย์ร่วมด้านนวัตกรรมระบบสุขภาพประจำโรงพยาบาล Brigham and Women's Hospital และ Harvard T.H. Chan School of Public Health
ดร. Doris Mbithi หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ประจำโรงพยาบาล Mother and Child Hospital ในเขต Makueni และพันธมิตรโครงการ OSS กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง Jhpiego-Proximie จะช่วยให้ศัลยแพทย์พัฒนาทักษะและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
"มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติการ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้หมด" เธอกล่าว "สิ่งที่บันทึกไว้ทำให้เราพบช่องว่างและแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ฉันยังยินดีที่ฉันมอบความช่วยเหลือจากระยะไกลได้ในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะที่โรงพยาบาลที่ฉันทำงาน หรือให้คำปรึกษาทางไกลแก่โรงพยาบาลในเขตย่อยสำหรับผู้ที่อาจถูกส่งตัวมาในภายหลัง"
ดร. John Varallo ผู้อำนวยการฝ่ายศัลยกรรมอย่างปลอดภัยประจำ Jhpiego กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวยกระดับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้วให้ดีขึ้นอีกได้ โดยกล่าวว่า "ด้วยการให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมทางไกลแบบเรียลไทม์ โครงการนี้มีศักยภาพที่แท้จริงในการเป็นผู้พลิกโฉมวงการด้านการยกระดับความปลอดภัยและคุณภาพของการดูแลด้านศัลยกรรมในเคนยาและในประเทศอื่น ๆ ที่ Jhpiego ดำเนินงานอยู่ การร่วมมือกับผู้นำทางความคิดเชิงนวัตกรรมที่ Proximie และ Ariadne Labs และการสานต่องานอย่างใกล้ชิดร่วมกับรัฐบาลของเคนยา และทีมศัลยกรรมภาคพื้นซึ่งเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดของเราในโครงการ Obstetric Safe Surgery ทำให้เรามีโอกาสที่จะขยายความก้าวหน้าในการผ่าตัดอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพในปัจจุบัน"
ดร. Nadine Hachach-Haram ซีอีโอของ Proximie กล่าวว่า เธอได้ก่อตั้ง Proximie "บนพื้นฐานของการแบ่งปันความรู้ที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่รวดเร็วและการดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้น" และโครงการ Obstetric Safe Surgery ได้รวมเอาสิ่งเหล่านั้นไว้
"งานของเราร่วมกับทีมศัลยแพทย์ภาคพื้นในเคนยา รวมถึง Jhpiego และ Ariadne Labs จะช่วยให้ทีมแพทย์เข้าถึงเทคนิคและความรู้ในการผ่าคลอดที่แต่ก่อนอาจมีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์และเวลา" Hachach-Haram กล่าว "Proximie จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งแม่และเด็กจะเข้าถึงการดูแลคุณภาพสูงในช่วงเวลาวิกฤตได้ เราเชื่อเสมอว่าการทำงานร่วมกันเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านการดูแลสุขภาพ โครงการ Obstetric Safe Surgery จะไม่เพียงช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิดเท่านั้น แต่อาจเป็นต้นแบบให้ผู้อื่นนำไปปฏิบัติตามได้"
Ariadne Labs เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการดำเนินการด้านการดูแลสุขภาพ มีประสบการณ์ในการออกแบบและสร้างความสามารถ ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในประเทศเพื่อนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ ซึ่งจะถูกนำมาอภิปรายในหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพดิจิทัลที่ยั่งยืนทั่วทั้งเคนยาและประเทศอื่น ๆ
"เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ Proximie และ Jhpiego เพื่อนำประสบการณ์ของเราในด้านสาธารณสุข การดูแลทางคลินิกแนวหน้า และการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการผ่าตัดในมารดาและทารกแรกเกิด ตลอดจนยกระดับประสบการณ์ของแพทย์" Katherine Semrau, PhD, MPH ผู้วิจัยหลักและผู้อำนวยการโครงการ BetterBirth ของ Ariadne Labs กล่าว "เป้าหมายของเราที่ Ariadne Labs คือการลดความทุกข์ทรมานและช่วยชีวิตผู้คนในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะที่เมืองบอสตัน กรุงไนโรบี หรือเมืองลัคเนา ด้วยการพัฒนาโซลูชั่นระดับระบบที่ปรับขนาดได้ เราตั้งตารอที่จะสนับสนุนการวัดผลและประเมินผลงานนี้ เพื่อปรับปรุงนวัตกรรมและนำไปปฏิบัติให้ดีที่สุด"
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
ติดตามความคืบหน้าของโครงการได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดียด้วยแฮชแท็ก #ProjectSafeSurgery และผ่าน Medium Magazine The Link
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/1705841/Proximie_1.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/1705842/Proximie_2.jpg?p=medium600