omniture

ผลสำรวจจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติพบตัวเลขผู้ศัลยกรรมเสริมความงามลดลงเพราะโควิด-19

International Society of Aesthetic Plastic Surgery (ISAPS)
2021-12-28 22:20 283

การปิดให้บริการเวชปฏิบัติอันเป็นผลจากโควิด-19 ส่งผลให้มีการศัลยกรรมลดลง 10.9%

เวสต์เลบานอน, นิวแฮมป์เชียร์--28 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเวชศาสตร์ความงาม ซึ่งแสดงให้เห็นผลกระทบที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีต่อการทำศัลยกรรมความงามทั่วโลกตลอดทั้งปี 2563

ไฮไลท์น่าสนใจ 

การผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง 10.9% ในปี 2563 โดยศัลยแพทย์ 77.8% ทั่วโลกต้องปิดให้บริการเวชปฏิบัติชั่วคราวขณะโรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด (ส่วนใหญ่เป็นการฉีดฟิลเลอร์และกำจัดขน) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มขึ้นน้อยกว่าหลายปีที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 5.7% ในปี 2563 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 7.6% ในปี 2562) เมื่อคำนวณรวมกันแล้วเท่ากับว่ายอดการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดปรับตัวลดลง 1.8%

ดร. Arturo Ramirez-Montañana ประธานคณะกรรมการจัดทำแบบสำรวจของ ISAPS กล่าวว่า "แนวโน้มขาลงนี้สอดคล้องกับผลการค้นพบในการสำรวจของเรา ซึ่งพบว่าผู้ป่วยมีความต้องการเสริมความงามลดลงเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและฐานะทางการเงินในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ในขณะเดียวกัน แพทย์หลาย ๆ คนก็มีลูกค้ามากขึ้นเพราะตัวลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีโอกาสพักฟื้นตัวได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งยังเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่า 'ซูมเอฟเฟกต์' ด้วย ซึ่งพบมากเป็นพิเศษในการดูแลปรนนิบัติผิวหน้า"

การเสริมความงาม

การผ่าตัดเสริมความงามที่พบมากที่สุดทั่วโลกยังคงเหมือนเดิมในปี 2563 โดยมีผู้เข้ารับการเสริมหน้าอกคิดเป็นสัดส่วน 16% ของการผ่าตัดทั้งหมด ส่วน 15.1% เป็นการดูดไขมัน, 12.1% เป็นการผ่าตัดเปลือกตา, 8.4% เป็นการผ่าตัดเสริมจมูก และ 7.6% เป็นการทำหน้าท้อง

สำหรับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับแรกก็ยังคงเหมือนกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ การฉีดโบท็อกซ์ (43.2% ของการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดทั้งหมด), กรดไฮยาลูโรนิก (28.1%), การกำจัดขน (12.8%), การลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด (3.9%) และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (3.6%) โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดนั้นมีลูกค้าเป็นผู้หญิงประมาณ 85% จากทั้งหมด

แม้ตัวเลขการผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง แต่การทำศัลยกรรมจมูกและผ่าตัดยกคิ้วยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การฟื้นฟูผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.9% หลังจากที่ปรับตัวลดลงในปี 2562 และ 2561

ในภาพรวมนั้น การเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นการฉีดโบท็อกซ์ กรดไฮยาลูโรนิก และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (ลดลง 0.9%, 6.1% และ 11.3% ตามลำดับ)

ส่วนการผ่าตัดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชายยังคงเป็นการศัลยกรรมเปลือกตา การดูดไขมัน การผ่าตัดลดขนาดเต้านม ศัลยกรรมจมูก และผ่าตัดแก้หูกาง

เมื่อดูข้อมูลการเสริมความงามตามกลุ่มอายุแล้ว การเสริมจมูก  (67.9%) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคนอายุ 19-34 ปี ขณะที่การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมมากที่สุดในผู้ที่มีอายุ 35-50 ปี (50.2% ของทั้งหมด)

ในช่วงเวลาที่ทำแบบสำรวจนี้ มีศัลยแพทย์เพียง 45% ที่มีจำนวนลูกค้าดีดตัวขึ้นแตะระดับก่อนการแพร่ระบาด โดยดร. Ramirez-Montañana กล่าวว่า "แม้เราเผชิญกับการแพร่ระบาดอันโหดร้าย แต่ก็ดูเหมือนกับว่าศัลยแพทย์ความงามส่วนใหญ่กำลังกลับมาให้บริการเวชปฏิบัติใกล้เคียงกับระดับปกติ และผมมั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นไปในทางที่ดี ทั้งสำหรับแวดวงศัลยกรรมเสริมความงาม และการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด"

สถิติประเทศต่าง ๆ

สหรัฐอเมริกามีการเสริมความงามเพิ่มขึ้นทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ครองตำแหน่งประเทศที่มีผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุดในโลก (14.7% ของทั้งหมด) และมีผู้เข้ารับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดมากที่สุดในโลก (22.1% ของทั้งหมด) นำเหนือบราซิล

ประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุด 10 อันดับแรกของปี 2563 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ตุรกี เม็กซิโก อาร์เจนตินา อิตาลี รัสเซีย และอินเดีย ตามด้วยสเปน กรีซ โคลอมเบีย และไทย

ประเทศที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติมากที่สุดในปี 2563 ได้แก่ เม็กซิโก (28.2%) ตุรกี (25.8%) และโคลอมเบีย (21.8%) ส่วนแชมป์เก่าอย่างไทยร่วงลงไปอยู่อันดับสี่ (20.9%)

การผ่าตัดยังคงดำเนินการในโรงพยาบาลเป็นหลัก (43.8% ทั่วโลก) ยกเว้นสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการผ่าตัดในคลินิกเป็นสัดส่วน 45% และผ่าตัดในศูนย์ศัลยกรรมอิสระ 34.3%

ระเบียบวิธีการสำรวจ

ผู้ตอบแบบสำรวจได้ตอบแบบสอบถามที่เน้นถามเรื่องจำนวนการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัดในปี 2563 รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สถิติประชากรของศัลยแพทย์ และความแพร่หลายของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยได้ส่งแบบสอบถามดังกล่าวถึงศัลยแพทย์ความงามประมาณ 25,000 รายในฐานข้อมูลของ ISAPS จนได้ข้อมูลจากศัลยแพทย์ความงามรวมกัน 1,081 ราย ผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการรวบรวม เรียบเรียง และวิเคราะห์โดย Industry Insights บริษัทวิจัยอิสระในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ISAPS เป็นเพียงองค์กรเดียวที่รวบรวมข้อมูลด้านความงามดังกล่าวในระดับโลกเป็นประจำทุกปี สามารถรับชมสำเนาของผลการสำรวจฉบับเต็มได้ที่ https://www.isaps.org/medical-professionals/isaps-global-statistics/

เกี่ยวกับ ISAPS - สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) เป็นสมาคมสากลชั้นนำของศัลยแพทย์ด้านความงามที่ได้รับใบรับรอง ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2513 โดย ISAPS ได้เปิดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศัลยกรรมพลาสติกเพื่อความงามในระดับโลก นอกจากนี้ ทางสมาคมยังได้มอบการฝึกอบรมและการศึกษาต่อเนื่องที่ทันสมัยให้กับสมาชิก พร้อมสนับสนุนและให้การรับรองการประชุมทางวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่องทั่วโลก ในปัจจุบัน สมาชิกของ ISAPS ประกอบด้วยศัลยแพทย์เพื่อความงามและการรักษาความบกพร่องที่เป็นที่ยอมรับระดับโลกกว่า 5,100 รายใน 110 ประเทศ ทางสมาคมมีฟีเจอร์ Find a Surgeon เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้หาศัลยแพทย์ความงามที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์เพียบพร้อม ซึ่งศัลยแพทย์แต่ละรายล้วนมีความมุ่งมั่นในการให้บริการเวชปฏิบัติอย่างมีจรรยาบรรณและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1038963/ISAPS_Logo.jpg?p=medium600

 

 

Source: International Society of Aesthetic Plastic Surgery (ISAPS)
Related Links:
Keywords: Cosmetics & Personal Care Health Care/Hospital Household/Consumer/Cosmetics Medical Equipment Medical/Pharmaceuticals Economic news, trends, analysis Survey, Polls & Research
Related News