เคมบริดจ์, อังกฤษ--11 ม.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Darktrace ผู้นำระดับโลกด้าน AI เพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประกาศว่า เครือบริษัทสื่อรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของยุโรป วางใจยกระดับการใช้บริการ Self-Learning AI ของ Darktrace เพื่อปกป้องธุรกิจของบริษัทจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและมีใหม่เรื่อย ๆ
เครือบริษัทสื่อรายนี้ให้บริการผู้บริโภคและธุรกิจกว่าหลายสิบล้านรายทั่วยุโรป โดยได้ตัดสินใจยกระดับการป้องกันทางไซเบอร์ ด้วยการขยายความครอบคลุมของ Darktrace ทั่วทั้งธุรกิจดิจิทัลของบริษัท และลงนามในข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์กับ Darktrace หลายฉบับด้วยกัน บริษัทได้นำระบบ Enterprise Immune System ของ Darktrace ไปใช้สกัดภัยคุกคามใหม่ ๆ ณ จุดเกิด ไม่ว่าจะในคลาวด์หรือเครือข่ายองค์กรเอง ด้วยการศึกษาดีเอ็นเอทางดิจิทัลขององค์กร
อุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิงได้ตกเป็นเป้าของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการขโมยและหาเงินจากทรัพย์สินที่มีมูลค่า เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยการขู่กรรโชก ไม่ว่าตัวแฮกเกอร์หวังหาเงินหรือต้องการเผยแพร่อุดมการณ์ของตนเอง อุตสาหกรรมนี้ก็มีภัยคุกคามอันตรายมากมาย รวมถึงแรนซัมแวร์ แต่เทคโนโลยี AI ของ Darktrace ช่วยหยุดแรนซัมแวร์ได้ในเวลาไม่กี่วินาที และหยุดการโจมตีจากทุกที่ในโลกได้ทุกนาที
"แหล่งสื่อและข้อมูลที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้มีบทบาทสำคัญในสังคมของเรา และการแพร่ภาพกระจายเสียงก็นับว่าเป็นบริการสำคัญเมื่อโลกอาศัยบริการเหล่านี้เพื่อดูแลตัวเองในยุคโรคระบาด" Poppy Gustafsson OBE ซีอีโอของ Darktrace กล่าว "ดิฉันมีความยินดีที่ Darktrace มีความครอบคลุมมากขึ้นในบริษัทลูกค้าที่เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในวงการนี้ เพื่อให้เทคโนโลยี AI ของเราตรวจจับและหยุดภัยคุกคามได้ก่อนที่สถานีข่าวจะล่มหรือข้อมูลลับถูกขโมย"
เกี่ยวกับ Darktrace
Darktrace (DARK.L) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย AI โดยมอบเทคโนโลยีระดับโลกที่ปกป้องลูกค้าเกือบ 6,000 รายทั่วโลกจากภัยคุกคามขั้นสูง รวมถึงแรนซัมแวร์และการโจมตีทางระบบคลาวด์และ SaaS โดยแนวทางของ Darktrace ที่ไม่เหมือนใครนั้นจะใช้ AI แบบเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อช่วยให้เครื่องได้เข้าใจธุรกิจเพื่อป้องกันภัยได้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ กลุ่ม Darktrace มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ แห่งสหราชอาณาจักร พร้อมด้วยพนักงาน 1,600 คนในสำนักงานกว่า 30 แห่งทั่วโลก Darktrace เป็นหนึ่งใน 'บริษัทผู้ทรงอิทธิพลที่สุด' ของนิตยสาร TIME ประจำปี 2564
