กรุงเทพฯ—20 ม.ค.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
สถาบัน Top Employers Institute ได้ยกย่องให้เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ (Boehringer Ingelheim) เป็น "นายจ้างดีเด่นของโลก" เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยเป็นหนึ่งในบริษัทเพียง 11 แห่งทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนี้ รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีงานวิจัยเป็นตัวขับเคลื่อนแห่งนี้ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความต้องการและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ได้รับการยกย่องให้เป็นนายจ้างดีเด่นในหลาย ๆ ประเทศและภูมิภาค ตลอดช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ เตรียมคว้ารางวัลดังกล่าวใน 29 ประเทศ Top Employers Institute เป็นสถาบันอิสระที่ให้การรับรองนายจ้างทั่วโลกที่ต้องการให้พนักงานของตนมีสภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมพร้อมส่งเสริม ความก้าวหน้าของพนักงาน การรับรอง ฯ ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการประเมินแบบหลายระดับ เพื่อประเมินการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ควบคู่ไปกับการให้ฟีดแบคอย่างละเอียด
นอกจากจะได้รับการรับรองในระดับสากลแล้ว เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ยังได้รับการยกย่องเป็นนายจ้างดีเด่นของประเทศไทยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันด้วย เช่นเดียวกับทั่วภูมิภาคอาเซียน เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีพนักงานกว่า 2,700 คน จาก 24 สัญชาติ
เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ยังคงมีความก้าวหน้าในด้านการสร้างความผูกพันของพนักงาน ซึ่งบริษัทมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องผลตอบแทนและรางวัลจากการทำงานเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ นอกจากนี้ สถาบัน Top Employers Institute ยังชื่นชมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ไปจนถึงค่านิยม จริยธรรม และความซื่อสัตย์ ซึ่งก่อให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
"ในฐานะธุรกิจครอบครัวที่ใส่ใจมนุษย์และสัตว์ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องจากสถาบัน Top Employers Institute ในระดับภูมิภาคและระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่าง ๆ ซึ่งเราเปิดโอกาสให้เข้าถึงสุขภาพและทางออกสู่ปัญหาท้าทายทางสังคม และที่สำคัญกว่านั้น เราดูแลพนักงานของเราซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา คนของเรามีพลัง ได้รับความเคารพ และมีคุณค่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือมีบทบาทอะไร" ดร. อาร์มิน วีสเลอร์ กรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ของเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ กล่าว
ความหลากหลายและผนวกรวมความแตกต่างเข้าด้วยกัน ได้รับการขับเคลื่อนและสะท้อนให้เห็นทั่วทั้งองค์กร โดยพฤติกรรมที่จับต้องได้ เช่น การส่งเสริมให้ทุกคนกล้าพูด ตระหนักถึงอคติโดยไม่รู้ตัว ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างยุติธรรม ไม่ได้ปรากฏให้เห็นในหมู่ผู้นำเท่านั้น แต่ยังเห็นได้จากตัวพนักงานด้วยเช่นกัน
"เราเชื่อว่า พนักงานทุกคนใช้เอกลักษณ์ของตนเองสร้างความแตกต่างให้ลูกค้า ผู้ป่วย และพันธมิตรของเราได้ วัฒนธรรมความเสมอภาคของเรายังเปิดโอกาสให้มีไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วย เมื่อเราให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งที่เราทำและรับรองความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว สิ่งนี้ก็จะทำให้ธุรกิจมีผลงานดีขึ้นด้วย" เดวิด เซเรส ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กล่าว
ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ทางองค์กรได้ใช้ระบบการทำงานแบบยืดหยุ่นที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อให้พนักงานปรับการทำงานของตนให้สอดคล้องตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคและเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ซึ่งรวมถึงกระบวนการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ทางออนไลน์ที่บริษัทได้วางแนวทางให้พนักงานใหม่ทำงานจากที่บ้านได้ ส่วนอีกประเด็นที่คณะกรรมการตัดสินให้ความสำคัญก็คือ บริษัทตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ โดยใช้แนวทางที่ยอมรับความแตกต่างของพนักงาน อย่างมีจริยธรรม ตลอดจนมุ่งถ่ายทอดและประยุกต์ใช้ค่านิยมของบริษัทอย่างชัดเจน อีกทั้งธุรกิจครอบครัวแห่งนี้ยังให้โอกาสในการ เสริมสร้างศักยภาพของพนักงานผ่านโปรแกรมการเรียนรู้และฝึกอบรมตามความเหมาะสมของแต่ละคนตลอดอายุการทำงาน
นอกจากนี้ เนื่องด้วยเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ประจำประเทศไทย ยึดค่านิยมในการเอาใจใส่ต่อชุมชน ทางองค์กรจึงได้บริจาคเงินจำนวน
1 ล้านบาทเพื่อให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นยิ่งยวดในการรับมือกับโควิด-19 โดยเลือกบริจาคให้แก่ 10 องค์กรไม่แสวงหากำไร อาทิ มูลนิธิรามาธิบดี มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม
"ผมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บริษัทได้รับรางวัลนายจ้างดีเด่นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ถือเป็นการยกย่องที่ยิ่งใหญ่ต่อสิ่งที่เราได้พยายามมาทั้งหมดเพื่อการพัฒนา การเติบโต และสวัสดิภาพคนของเรา ผมเชื่อเหลือเกินว่าการพัฒนาและการเติบโตของพนักงานคือรากฐานขององค์กรที่ดีและมีผลการดำเนินงานระดับสูงอย่างมั่นคง เราจะอุทิศตนเพื่อสถานที่ทำงานที่ให้คุณค่าและยอมรับในเรื่องความแตกต่างหลากหลายต่อไป โดยมีความร่วมมือกันอย่างเปิดเผยเพื่อคิดค้นนวัตกรรมมาแก้ปัญหา ช่วยเปลี่ยนชีวิตของผู้ป่วยและสัตว์ในประเทศนี้" โรดริโก เลา ผู้จัดการทั่วไปของเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ประจำประเทศไทย กล่าว
ในฐานะบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัย เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ มุ่งสร้างคุณค่า ในด้านที่มี ความต้องการทางการแพทย์สูงที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า โดยตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้คือเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ได้ขยายโครงการ Making More Health (MMH) ในชื่อว่า "Boehringer Ingelheim Social Engagements" พร้อมเงินลงทุนถึง 50 ล้านยูโร
เกี่ยวกับเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์
เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์พยายามค้นพบวิธีการรักษาแบบก้าวหน้าที่ช่วยให้ชีวิตมนุษย์และสัตว์ดีขึ้นกว่าเดิม ในฐานะบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยนั้น เราสร้างคุณค่าผ่านนวัตกรรมในด้านที่มีความต้องการทางการแพทย์สูงที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ มีวิสัยทัศน์ระยะยาวนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2428 และดำเนินธุรกิจแบบครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน พนักงานราว 52,000 คนของเราให้บริการในตลาดมากกว่า 130 แห่ง ผ่านธุรกิจใน 3 ด้าน ได้แก่ เภสัชภัณฑ์สำหรับมนุษย์ (Human Pharma), สุขอนามัยของสัตว์ (Animal Health) และรับจ้างผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical Contract Manufacturing) ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.boehringer-ingelheim.com