- รางวัลในปีนี้มอบให้แก่ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิง ซาราห์ แคทเธอรีน กิลเบิร์ต (Professor Dame Sarah Catherine Gilbert) ผู้พัฒนาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวี (Gavi, the Vaccine Alliance)
โซล, เกาหลีใต้--7 กุมภาพันธ์ 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการรางวัลสันติภาพซอนฮัก (Sunhak Peace Prize) ซึ่งมีนายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ (Jose Manuel Barroso) อดีตประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เป็นประธาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลสันติภาพซอนฮัก ประจำปี 2565 ได้แก่ ท่านผู้หญิง ซาราห์ แคทเธอรีน กิลเบิร์ต (วัย 59 ปี) ศาสตราจารย์ด้านวัคซีนวิทยาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวี
ศาสตราจารย์ ซาราห์ กิลเบิร์ต ได้รับการยกย่องจากบทบาทอันโดดเด่นในการปกป้องชีวิตประชาชนหลายพันล้านคนในประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า ด้วยการร่วมพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของออกซ์ฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งจัดเก็บและขนส่งง่ายกว่าและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ส่วนทางด้านองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวี ได้รับการยกย่องจากการช่วยประสานงานโครงการโคแวกซ์ (COVAX) เพื่อช่วยให้ประชาชนทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
นายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมการรางวัลสันติภาพซอนฮัก กล่าวว่า "นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของนานาประเทศ และความร่วมมือของหลายฝ่าย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตของทุกคน สุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องของวิทยาศาสตร์หรือยาเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ชนะรางวัลทั้งสองรายต่างมีคุณูปการต่อการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน"
ศาสตราจารย์ ซาราห์ กิลเบิร์ต มองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติและวัคซีนในฐานะสินค้าสาธารณะของโลก พร้อมกับยืนยันอย่างหนักแน่นว่า วัคซีนที่ตนพัฒนาไม่ได้ทำเพื่อผลกำไร และมีการส่งมอบไปแล้วถึง 182 ประเทศ
องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวี เป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดที่มุ่งยกระดับสุขภาพโดยรวมของมนุษยชาติ ด้วยการจัดหาวัคซีนให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางองค์กรได้ประสานงานกับโครงการโคแวกซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระดับโลกเพื่อสนับสนุนการผลิตวัคซีนโควิด-19 และเจรจาต่อรองราคาวัคซีนเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเสมอภาค โดยมีการกระจายวัคซีนมากกว่าหนึ่งพันล้านโดสใน 144 ประเทศผ่านโครงการนี้
นอกจากนี้ องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีนกาวียังสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ๆ กว่า 820 ล้านคน โดยเข้าถึงเด็ก ๆ เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งช่วยรักษาชีวิตได้มากกว่า 14 ล้านชีวิต และมีผลงานที่โดดเด่นคือ การเพิ่มจำนวนเด็กที่ได้รับวัคซีนรวมคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DPT) จาก 59% ในปี 2543 เป็น 81% ในปี 2563 และลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กลง 50%
นายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ กล่าวเสริมว่า "การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เราได้มีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เราไม่อาจรู้ได้ว่าโรคระบาดครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่โควิด-19 สอนให้เรารู้ว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือโดยคำนึงถึงมนุษยธรรม คือทางออกของวิกฤตระดับโลกเช่นนี้"