omniture

ผลสำรวจของฮันนี่เวลล์ชี้ พนักงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 100% ให้ความสำคัญกับการได้รับรู้ข้อมูลการคุณภาพอากาศของอาคารที่ตั้งสำนักงาน

Honeywell
2022-02-23 14:26 218

ในตลาดทั้งหมดที่มีการสำรวจ ผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่าสุขภาพร่างกายโดยรวมที่ดีขึ้น (69%) เป็นประโยชน์อันดับสูงสุดของคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ปลอดภัย

กรุงเทพมหานคร—23 ก.พ. 2565—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ในการสำรวจความเห็นพนักงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ตอบแบบสำรวจที่ทำงานในอาคารสำนักงานทั้งหมด (100%) ระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ว่าจ้างของพวกเขาหรือผู้จัดการอาคารควรต้องแจ้งคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality - IAQ) ของอาคารที่ตั้งสำนักงาน โดยเป็นข้อค้นพบจากรายงานที่ฮันนี่เวลล์ (Honeywell) (Nasdaq: HON) เผยแพร่ในวันนี้ รายงานดังกล่าวนี้มีชื่อว่า "คุณภาพอากาศในที่ทำงาน: ข้อกังวลระดับโลก" ("Workplace Air Quality: A Global Concern Emerges") เป็นการนำเสนอข้อค้นพบจากการสำรวจอาคารสุขภาพดี (Healthy Building Survey) ประจำปีครั้งที่สองของฮันนี่เวลล์ ซึ่งได้สำรวจความเห็นของพนักงานจำนวน 3,000 คนที่ทำงานในอาคารที่มีพนักงาน 500 คนขึ้นไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เยอรมนี, อินเดีย, ตะวันออกกลาง, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

Indoor Air Quality (IAQ) monitor alerts building owners and operators of potential issues to proactively improve indoor air quality and decrease the risk of transmitting airborne contaminants.
Indoor Air Quality (IAQ) monitor alerts building owners and operators of potential issues to proactively improve indoor air quality and decrease the risk of transmitting airborne contaminants.

92% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำงานภายในอาคารพาร์ทไทม์ขึ้นไป เกือบครึ่งหนึ่ง (48%) กล่าวว่าพวกเขาทราบข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ตนทำงานอยู่เป็นอย่างดี และ 59% ระบุว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ตนทำงานอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (58%) ระบุว่ามีการตรวจวัดคุณภาพอากาศในอาคารที่พวกเขาทำงานอยู่บ่อยครั้งหรืออย่างต่อเนื่อง แต่ถึงแม้จะทราบเช่นนั้น 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังรู้สึกค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคาร

แม้ว่าจะมีความรับรู้และมีการเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศภายในอาคารในระดับที่ดี พนักงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตอบแบบสอบถามยังจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความรู้น้อยที่สุดเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร สองในสาม (66%) ไม่สามารถระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคารได้อย่างถูกต้อง อย่างเช่นอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสูงเกินค่าเฉลี่ยของโลกที่อยู่ที่ 59% ข้อค้นพบดังกล่าวนี้บ่งชี้ว่ายังมีจุดที่ผู้ว่าจ้างสามารถปรับปรุงการสื่อสารเกณฑ์การวัดคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ตอบแบบสอบถาม 68% ระบุว่าพร้อมที่จะลาออกจากงานหากผู้ว่าจ้างไม่มีการดำเนินการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

พนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตอบแบบสอบถามได้รับการประเมินว่ามีความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของคุณภาพอากาศภายในอาคารต่อสุขภาพและสุขภาวะของพวกเขาในระดับที่ต่ำกว่าภูมิภาคอื่น โดย 79% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าคุณภาพของอากาศที่พวกเขาหายใจมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและสุขภาวะของพวกเขา ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก (89%) อยู่ 10% ทั้งนี้ผลประโยชน์ด้านสุขภาพที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ประกอบด้วย

- สุขภาพร่างกายโดยรวมที่ดีขึ้น (69%)
- อาการของโรคภูมิแพ้ที่น้อยลง ซึ่งส่งผลให้จามและไอน้อยลง (66%)
- สุขภาพจิตโดยรวมที่ดีขึ้น (58%)
- การสัมผัสกับสารปนเปื้อนในอากาศที่น้อยลง (56%)
- ผลิตภาพในการทำงานและการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น (46%)

ข้อค้นพบอื่น ๆ ที่สำคัญประกอบด้วย

- ด้วยการเพิ่มขึ้นของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ พนักงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ (90%) มีความกังวลมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ตนทำงานอยู่
- เกือบสองในสาม (64%) ของพนักงานออฟฟิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อว่าการหายใจอากาศภายในอาคารส่งผลดีต่อสุขภาพน้อยกว่าอากาศภายนอกอาคาร

"การที่พนักงานส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำงานในสำนักงานอย่างน้อยพาร์ทไทม์ และแม้ว่าหลายคนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคารของสำนักงานที่ตนทำงานอยู่ แต่พนักงานก็ยังต้องการข้อมูลมากกว่านี้ โดยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวิกฤตโรคโควิด-19 ฮันนี่เวลล์ได้ช่วยให้ลูกค้าในภูมิภาคแห่งนี้ทราบถึงแนวทางในการทำให้พนักงานกลับมาทำงานในอาคารได้อย่างปลอดภัย และในการติดตั้งเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานว่าพื้นที่ทำงานมีลักษณะที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น" นอร์ม จิลส์ดอร์ฟ (Norm Gilsdorf) ประธานบริษัทฮันนี่เวลล์ประจำภูมิภาคอาเซียนกล่าว

"ข้อค้นพบเหล่านี้บ่งชี้ว่าการสื่อสารเกณฑ์การวัดคุณภาพอากาศภายในอาคารกับพนักงานควรเป็นเรื่องสำคัญระดับต้นๆสำหรับผู้ว่าจ้าง ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง การแสดงถึงความพยายามในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า สามารถเป็นข้อได้เปรียบในการดึงดูดและรักษาพนักงาน ทุกการลงทุนในการยกระดับคุณภาพอากาศภายในสถานที่ทำงาน การติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศภายในอาคาร และการสื่อสารข้อมูลดังกล่าวกับพนักงานจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในเชิงกลยุทธ์" ชาราด ยาดาฟ (Sharad Yadav) ผู้จัดการทั่วไปของฮันนี่เวลล์ บิลดิ้ง เทคโนโลยีส์ (Honeywell Building Technologies) ประจำภูมิภาคอาเซียนกล่าว

โซลูชันอาคารสุขภาพดี (Healthy Buildings) ของฮันนี่เวลล์ได้มีการรวบรวมเทคโนโลยีด้านคุณภาพอากาศ ความปลอดภัย และความมั่นคงของอาคาร เข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยเจ้าของอาคารปรับปรุงปัจจัยด้านสุขภาพ การจัดการอาคารตามแนวปฏิบัติใหม่ ๆอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้อาคาร พอร์ตฟอลิโอด้านคุณภาพอากาศภายในอาคารของฮันนี่เวลล์สามารถช่วยยกระดับสุขภาวะของผู้ใช้อาคาร อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน และที่สำคัญคือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การใช้งานอาคารต่างๆให้ดียิ่งขึ้น

ท่านสามารถอ่านรายงาน "คุณภาพอากาศในที่ทำงาน: ข้อกังวลระดับโลก" ฉบับเต็มได้ที่ https://buildings.honeywell.com/us/en/solutions/healthy-buildings/healthy-buildings-occupant-survey-2022?utm_source=pressrelease&utm_medium=pr&utm_campaign=healthy_buildings&utm_content=feb-occupant_survey-report 

วิธีการสํารวจข้อมูล

การสำรวจข้อมูลของฮันนี่เวลล์ดำเนินการโดยเวคฟีลด์รีเสิร์ช (Wakefield Research) (www.wakefieldresearch.com) โดยทำการสำรวจกับพนักงานจำนวน 3,000 คนที่ทำงานภายในอาคารที่มีพนักงาน 500 คนขึ้นไปใน 6 ตลาด ประกอบด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เยอรมนี, อินเดีย, ตะวันออกกลาง, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ถึง 11 มกราคม 2565 โดยใช้คำเชิญทางอีเมลและแบบสอบถามออนไลน์

ผลของกลุ่มตัวอย่างขึ้นอยู่กับการกระจายในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง ระดับการกระจายสามารถวัดได้และมีการคำนวณโดยคำนึงถึงจำนวนการสัมภาษณ์และเปอร์เซ็นต์ที่แสดงในผลลัพธ์สำหรับการสัมภาษณ์ในการศึกษาครั้งนี้โดยเฉพาะ มีโอกาส 95% ที่ผลการสำรวจจะไม่มีความคลาดเคลื่อนทั้งบวกหรือลบมากกว่า 4.4% จากผลลัพธ์ที่จะได้หากทำการสัมภาษณ์ประชากรทั้งหมดในโลกที่แทนโดยกลุ่มตัวอย่าง

เกี่ยวกับฮันนี่เวลล์ บิลดิ้ง เทคโนโลยีส์ (Honeywell Building Technologies)

ฮันนี่เวลล์ บิลดิ้ง เทคโนโลยีส์ (Honeywell Building Technologies หรือ HBT) เปลี่ยนแปลงการบริหารอาคารต่าง ๆ เพิ่อปรับปรุงคุณภาพความเป็นอยู่ของบุคลากรทุกๆคนในอาคาร เราคือบริษัทควบคุมอาคารชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจในกว่า 75 ประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก เจ้าของและฝ่ายจัดการอาคารพาณิชย์ต่างเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูลของเราในการสร้างอาคารที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพและส่งเสริมผลิตภาพในการทำงาน โซลูชันและบริการของเรามีการใช้กันในอาคารกว่า 10 ล้านแห่งทั่วโลก

ฮันนี่เวลล์ (Honeywell (www.honeywell.com)) เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทิ่อยู่ใน Fortune 100 บริษัทมอบโซลูชันเฉพาะทางให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ เทคโนโลยีควบคุมสำหรับอาคารและอุตสาหกรรม และวัสดุประสิทธิภาพสูงทั่วโลก เทคโนโลยีของเราช่วยให้เครื่องบิน, อาคาร, โรงงานผลิต, ซัพพลายเชน และคนงาน สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น เพื่อทำให้โลกของเราอัจฉริยะขึ้น, ปลอดภัยขึ้น และยั่งยืนขึ้น อ่านข่าวและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮันนี่เวลล์ได้ที่ www.honeywell.com/newsroom 

Source: Honeywell
Related Stocks:
NASDAQ:HON
Keywords: Construction/Building Household/Consumer/Cosmetics HVAC Publishing/Information Service Survey, Polls & Research