"อินจีนิโก้" จับมือ "ภารัตพีอี" มอบบริการชำระเงินและการซื้อขายที่ทันสมัยให้แก่ร้านค้าในอินเดีย

- พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปีเป็นเครื่องหมายของยุคใหม่ในโลกแห่งการซื้อขาย

นิวเดลี, ปารีส และสิงคโปร์–31 มี.ค.2565–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ภารัตพีอี (BharatPe) บริษัทฟินเทคที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย และอินจีนิโก้ (Ingenico) ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือเวิลด์ไลน์ (Worldline) ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปีในวันนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการนำอุปกรณ์ระบบชำระเงิน (EDC) มาใช้ในอินเดีย ในการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ อินจีนิโก้จะกระจายอุปกรณ์สมาร์ท EDC ระบบแอนดรอยด์ที่ทำงานบนแพลตฟอร์ม Axium และ PPaas (แพลตฟอร์มชำระเงินในรูปแบบบริการของอินจีนิโก้) ไปยังเครือข่ายร้านค้าของภารัตพีอีในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

การผนวกรวมอุปกรณ์ที่ทำงานบนระบบแอนดรอยด์รุ่น Axium DX8000 และ PPaas ทำให้ภารัตพีอี ซึ่งเป็นบริษัทยูนิคอร์นในเดลี มีชุดเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาดที่กำลังขยายตัวและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถูกผลิตขึ้นตามมาตรฐานอุตสาหกรรมล่าสุด และใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 10 หน้าจอใช้งานใหญ่บนอุปกรณ์ Axium จึงทำให้อุปกรณ์ตัวนี้เหมาะสมลงตัวกับร้านค้าของภารัตพีอี

ในฐานะผู้เล่น EDC ส่วนบุคคลอันดับ 3 ในอินเดีย และเป็นบริษัทที่สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยบริการใหม่ ๆ ภารัตพีอี พร้อมโซลูชัน PPaaS ของอินจีนิโก้ จะมีความยืดหยุ่นในการนำการใช้งานทางธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดในเวลาอันรวดเร็วที่สุด PPaaS เป็นชุดชำระเงินและบริการการซื้อขายที่รวมโซลูชันสำหรับการจัดการอุปกรณ์ด้วยการใช้งานของบุคคลที่สาม และวิธีการชำระเงินทางเลือก แพลตฟอร์มที่ทำงานบนระบบคลาวด์ตัวนี้ทำงานกับอุปกรณ์ชำระเงินตัวใดก็ได้นอกเหนือไปจากอุปกรณ์ EDC ของอินจีนิโก้ 35 ล้านเครื่องที่ถูกนำไปใช้ใน 170 ประเทศทั่วโลก และการซื้อขายผ่านออนไลน์

สำหรับอินจีนิโก้ การเป็นพันธมิตรครั้งนี้นับเป็นโอกาสเสริมความแกร่งของธุรกิจในตลาดอินเดียที่มีศักยภาพสูง รวมทั้งเป็นการวางตำแหน่งอินจีนิโก้ให้เป็นผู้สร้างอีโคซิสเต็มที่จะสร้างศักยภาพให้กับการซื้อขายผ่านทุกช่องทาง ทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย และมอบประสบการณ์ใช้งานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ให้แก่ลูกค้า

ไนเจล ลี (Nigel Lee) รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกของอินจีนิโก้ กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ที่งานอินเดีย ฟินเทค เอ็กซ์โปในเดลี ซึ่งเขาเป็นวิทยากรว่า "เราดีใจที่ได้เดินทางร่วมไปกับการเติบโตของภารัตพีอีในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับอินจีนิโก้ การเป็นพันธมิตรครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่สำหรับอินจีนิโก้ที่จะสนับสนุนภารัตพีอี และขยายบริการต่าง ๆ ที่บริษัทสามารถนำไปมอบให้แก่ร้านค้าได้ นอกจากนี้ ภารกิจของอินจีนิโก้สำหรับ PPaaS ก็คือการช่วยให้พันธมิตรของบริษัทสามารถจัดการบริการที่แตกต่างกันที่จัดหาให้แก่ร้านค้าได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพในแนวทางที่รวดเร็ว และง่ายกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างมาก เราภูมิใจที่สามารถช่วยทำให้ภารัตพีอีสามารถทำสิ่งนั้นได้ และสนับสนุนพวกเขาในเส้นทางการเติบโตที่โดดเด่นนี้" 

ชาชวัต นากรานี (Shashvat Nakrani) ผู้ร่วมก่อตั้งภารัตพีอี กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ว่า "เราได้จัดการการขยายธุรกิจที่รวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่งในวงการ EDC ในอินเดียนับตั้งแต่เราได้เปิดตัวภารัตสไวป์ (BharatSwipe) ในปี 2563 และในวันนี้ ธุรกิจ EDC ของเราก็ดำเนินงานในเมืองต่าง ๆ กว่า 250 แห่ง และเราได้ติดตั้งเครื่องภารัตสไวป์ไปกว่า 125,000 เครื่องตามร้านค้าระบบออฟไลน์ เรายังจัดการธุรกรรมเมื่อเทียบรายปีมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ที่ประมวลผลมูลค่าด้วยอุปกรณ์ EDC ของเราในปัจจุบัน ด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้กับอินจีนิโก้ เราจะสามารถเพิ่มมิติใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ฟินเทคต่างๆของเราให้แก่ร้านค้าระบบออฟไลน์ได้ เครื่อง EDC รุ่น Axium ใหม่ที่มาพร้อมกับ PPaaS จะทำให้เราสามารถมอบบริการชำระเงินและการซื้อขายแบบเวิลด์คลาสให้แก่พันธมิตรร้านค้าของเรา และทำให้พวกเขามีศักยภาพมากขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต เราจะสำรวจการเป็นพันธมิตรเชิงกลุยทธ์กับผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต่อไปเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการฟินเทคชั้นยอดเยี่ยมให้แก่พันธมิตรร้านค้านับล้านรายของพวกเรา"

เกี่ยวกับเวิลด์ไลน์

เวิลด์ไลน์ [Euronext: WLN] เป็นผู้นำระดับโลกในวงการชำระเงิน และพันธมิตรด้านเทคโนโลยีทางเลือกของร้านค้า, ธนาคาร และผู้รับชำระเงิน ด้วยพนักงาน 20,000 คนในกว่า 50 ประเทศ เวิลด์ไลน์จึงจัดหาโซลูชั่นที่ยั่งยืน น่าเชื่อถือ และเป็นนวัตกรรมใหม่ให้แก่ลูกค้าของบริษัทที่จะส่งเสริมการขยายตัวของพวกเขา บริการต่างๆของเวิลด์ไวด์ได้แก่การเข้าซื้อในเชิงพาณิชย์ทั้งในแบบร้านค้าและออนไลน์, การประมวลผลธุรกรรมชำระเงินที่มีความปลอดภัยสูง และบริการดิจิทัลอีกมากมาย ในปี 2564 เวิลด์ไลน์มีรายได้ที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายเกือบ 4 พันล้านยูโร

เกี่ยวกับภารัตพีอี

ภารัตพีอีก่อตั้งในปี 2561 ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินเป็นความจริงสำหรับร้านค้าในอินเดีย โดยในปี 2561 ภารัตพีอีได้เปิดตัวคิวอาร์โค้ดที่สามารถทำงานร่วมกันกับ UPI ตัวแรกของอินเดีย ซึ่งนับเป็นบริการรับชำระเงินที่คิดอัตราดอกเบี้ยร้านค้า (MDR) เป็นศูนย์บริการแรก และในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดโควิด-19 ภารัตพีอีได้เปิดตัวภารัตสไวป์ เครื่องรับบัตรที่มีอัตราดอกเบี้ย MDR เป็นศูนย์เพียงระบบเดียวของอินเดีย ปัจจุบัน บริษัทให้บริการร้านค้ากว่า 8,000,000 รายในเมืองต่าง ๆ กว่า 150 เมือง บริษัทจึงเป็นผู้นำในการทำธุรกรรมออฟไลน์บน UPI โดยทำการประมวลผล UPI กว่า 11 ล้านรายการต่อเดือน (มูลค่าการประมวลผ่านธุรกรรมเมื่อเทียบรายปี 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์) บริษัทได้อำนวยความสะดวกในการการกระจายสินเชื่อมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านรูปีไปยังร้านค้ากว่า 300,000 แห่งนับตั้งแต่เปิดตัว ธุรกิจ EDC ของภารัตพีอีทำการประมวลผลการชำระเงินคิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปีด้วยเครื่อง EDC ของบริษัท อีกทั้งบริษัทยังมีเครือข่ายเครื่องชำระเงินกว่า 1.25 แสนเครื่องตามเมืองต่าง ๆ ภารัตพีอีสามารถระดมทุนได้กว่า 650 ล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นและตราสารหนี้จนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับรายชื่อนักลงทุนรายใหญ่ของบริษัทได้แก่ ไทเกอร์ โกลบอล (Tiger Global), ดราก้อนเนียร์ อินเวสเมนต์ กรุ๊ป (Dragoneer Investment Group), สเตดฟาสต์ แคปิตอล (Steadfast Capital), โคทู แมเนจเมนต์ (Coatue Management), ริบบิท แคปิตอล (Ribbit Capital), อินไซท์ พาร์ทเนอร์ส (Insight Partners), สเตดวิว แคปิตอล (Steadview Capital), บีเน็กซ์ (Beenext), แอมโพล (Amplo) และซีเควีย แคปิตอล (Sequoia Capital) ในเดือนมิ.ย. 2564 บริษัทได้ประกาศการซื้อบริษัทเพย์แบ็ค อินเดีย (PAYBACK) ซึ่งเป็นบริษัทด้านโปรแกรมความภักดีแบบหลากหลายแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 100 ล้านคน และในเดือนมิ.ย. 2564 บริษัทยังได้รับอนุมัติในหลักการจากธนาคารกลางอินเดียให้ตั้งธนาคารสินเชื่อขนาดย่อมด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับเซ็นทรัม ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ลิมิเต็ด (Centrum Financial Services Limited (Centrum) ซึ่งเป็นบริษัทการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (NBFC) ที่มีความมั่นคงและสามารถทำกำไรได้ในเครือเซ็นทรัม กรุ๊ป ในเดือนต.ค. 2564 กลุ่มบริษัทของเซ็นทรัม ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ลิมิเต็ด (เซ็นทรัม) และภารัตพีอี ก็ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารสินเชื่อขนาดย่อม (SFB) จากธนาคารกลางอินเดีย นอกจากนี้ ภารัตพีอียังได้รุกเข้าสู่ธุรกิจซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว EDCtpe ในเดือนต.ค. 2564