ฝอซาน, จีน--1 เมษายน 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัท คันทรี่ การ์เด้น โฮลดิ้งส์ จำกัด (Country Garden Holdings Company Limited) (02007.HK) ได้รายงานผลประกอบการปี 2564 โดยบริษัทยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมในส่วนของยอดขาย และบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงในส่วนของรายได้ รวมทั้งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในส่วนของระยะเวลาในการเก็บหนี้ถั่วเฉลี่ย (Days Sales Outstanding: DSO) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นอย่างมากในการดำเนินงานของบริษัท
ในรอบปีซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 คันทรี่ การ์เด้น มียอดขายที่ทำสัญญาแล้วส่วนของผู้ถือหุ้นราว 5.58 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีพื้นที่อาคารรวม (GFA) ที่ทำสัญญาแล้วส่วนของผู้ถือหุ้นราว 66.41 ล้านตารางเมตร ขณะเดียวกัน ข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่า ในช่วงปี 2558-2564 บริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่ทำสัญญาแล้ว 29%
ในการจัดอันดับยอดขายที่เผยแพร่โดยสถาบันดัชนีจีน (China Index Academy), บริษัท ไชน่า เรียล เอสเตท อินฟอร์เมชัน คอร์ป (CRIC) และองค์กรภายนอกอื่น ๆ พบว่า คันทรี่ การ์เด้น เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงรายเดียวที่มียอดขายทั้งหมดเกิน 7 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมียอดขายหุ้นเกิน 5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 7.86 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสามารถรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ในแง่ของตัวชี้วัดกำไรหลัก ๆ นั้น คันทรี่ การ์เด้น กวาดรายได้ 5.2306 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9.278 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 1.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.098 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ด้านกำไรสุทธิหลักส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.693 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
กระแสเงินสดที่เพียงพอถือเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการและลดความเสี่ยงในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับภาวะเงินทุนตึงตัว และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากต้องเผชิญกับการขาดแคลนเงินสดเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน สำหรับปี 2564 นั้น เงินสดที่คันทรี่ การ์เด้น รวบรวมได้จากยอดขายที่ทำสัญญาแล้ว อยู่ที่ 5.022 แสนล้านหยวน (ประมาณ 7.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีสัดส่วนการเก็บเงินสดที่ 90% ซึ่งคันทรี่ การ์เด้น สามารถรักษาสัดส่วนสูงกว่าระดับ 90% ไว้ได้ 6 ปีติดต่อกันแล้ว
นอกจากสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นแล้ว ระดับหนี้สินของคันทรี่ การ์เด้น ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี และต้นทุนทางการเงินก็ลดลงตามไปด้วย โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 คันทรี่ การ์เด้น มีเงินสดเพียงพอที่ระดับ 1.813 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งหมดลดลง 2.6% แตะที่ 3.1792 แสนล้านหยวน (ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ 45.4% ลดลง 10.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักลดลง 0.36% สู่ระดับ 5.2% ด้านอัตราส่วนกระแสเงินสดต่อหนี้สินระยะสั้นอยู่ที่ 2.3 เท่า
แม้ว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จีนในภาพรวมจะอยู่ในช่วงของการปรับตัวครั้งใหญ่ แต่การดำเนินงานที่ดีและการจัดการทางการเงินที่มั่นคงของคันทรี่ การ์เด้น ก็ทำให้บริษัทยังคงได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือและสถาบันการเงินรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่เข้าสู่วัฏจักรขาลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยบริษัทจัดอันดับระหว่างประเทศรายใหญ่ 3 แห่งได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือแนวโน้มของบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนรวมกันประมาณ 250 ครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบที่ภาวะขาลงมีต่อบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และความสามารถในการระดมทุนหรือกู้ยืมเงิน อย่างไรก็ดี ทั้งมูดี้ส์และฟิทช์ได้คงอันดับความน่าลงทุนของคันทรี่ การ์เด้นเอาไว้ ในขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ คงอันดับความน่าเชื่อถือของคันทรี่ การ์เด้น ไว้ที่ระดับ "BB+" พร้อมแนวโน้ม "เชิงบวก"